เวลา 10.00 น. วันนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และนิสิตภูฏานที่กำลังศึกษาอยู่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จ
โอกาสนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาระหว่างประเทศ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ในฐานะที่ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกรด้วยพระราชหฤทัยตั้งมั่นอยู่บนการพัฒนาอันยั่งยืน ทรงให้ความสำคัญด้านการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ทรงดำเนินโครงการในพระราชดำริ โดยให้ความสำคัญกับเยาวชนและเด็ก ทรงเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และทรงสนับสนุนการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของประชาชนตามวิถีประชาธิปไตย
และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาแด่สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก ในฐานะที่ทรงเป็นนักพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ทรงมีพระปรีชาญาณ พระเมตตาและพระวิสัยทัศน์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวภูฏาน ทั้งในด้านสุขภาวะ ความเสมอภาค การอนุรักษ์และการพัฒนา และนำพาประเทศไปสู่ความเป็นสมัยใหม่
ในการนี้ ศาสตราจารย์ วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีฯ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายทุนการศึกษาแก่นิสิตภูฏาน แด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก 5 ทุน และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก 5 ทุน
โอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน มีพระราชดำรัส เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรภูฏานที่มีมาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น ทั้งในระดับราชวงศ์ ประชาชน รวมถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทรงขอบใจในไมตรีที่ไทยมีให้เสมอมา และหวังว่าราชอาณาจักรภูฏานจะได้ตอบแทนสิ่งดีงามต่าง ๆ ที่ราชอาณาจักรไทยได้มอบให้
จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมไทย-ภูฏาน 3 ชุด ได้แก่ การขับร้องและบรรเลงเพลงชาติภูฏาน และเพลงชาติไทย โดยนิสิตภูฏาน, วงดุริยางค์เครื่องลมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงนักร้องประสานเสียง สโมสรนิสิตจุฬาฯ เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ของทั้งสองราชอาณาจักร สะท้อนความสัมพันธ์ทางวิชาการและวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
การบรรเลงเพลงโหมโรงมหาจุฬาลงกรณ์ เดิมทำนองเพลงเป็นเพลงร้องแบบสากล ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาในปี 2497 มีพระบรมราชานุญาตให้เรียบเรียงให้เป็นทางดนตรีไทยสำหรับวงปี่พาทย์ โดยคงทำนองสำคัญของเพลงเดิมไว้บางตอน และกลายเป็น "เพลงโหมโรงประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" จึงเป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน การยกย่องพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นมรดกทางดนตรีที่สะท้อนรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาติ
การบรรเลงและขับร้องเพลง "รัตนบริบาลร่มเย็นมาช้านานทั้ง 2 แผ่นดิน" ที่พัฒนาต่อยอดมาจากผลงานวิจัยสร้างสรรค์ "ชุดไตรภูมิ" ที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ เพื่อถวายแด่ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก สอดคล้องกับพระราชจริยวัตรที่ทรงยึดมั่นในทศพิธราชธรรม และการดูแลประชาชน และส่วนหลัง ได้ประพันธ์บทร้องและทำนองขึ้นใหม่ สื่อถึงความงดงามร่มเย็นของแผ่นดินภูฏาน และไมตรีจิตของไทย-ภูฏาน ตลอดจนความปลื้มปีติและชื่นชมยินดีของประชาคมจุฬาฯ
หลังจบการแสดง สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระราชทานช่อดอกไม้แก่ ผู้ฝึกซ้อม นักร้องประสานเสียง, ผู้ประพันธ์เรียบเรียงเพลง, สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก พระราชทานช่อดอกไม้แก่ ผู้แทนนักดนตรี และผู้แทนนักแสดง
จากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังอาคารมหาจุฬาลงกรณ์ ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไทยและภูฏาน มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพระราชไมตรีระหว่างพระราชวงศ์ของทั้งสองราชอาณาจักร เสริมด้วยความร่วมมือในระดับสถาบันและประชาชน ได้รับการเกื้อหนุนจากการมีส่วนร่วมกันในกรอบภูมิภาค BIMSTEC เป็นแบบอย่างอันงดงามของมิตรภาพในทวีปเอเชีย แสดงให้เห็นคุณค่าร่วม การทูตทางวัฒนธรรม และความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง สามารถหล่อหลอมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่มั่นคงและเปี่ยมความหมาย ในปีการศึกษา 2568 มีนิสิตชาวภูฏานศึกษาอยู่ 6 คน ในระดับปริญญาเอก 1 คน และปริญญาโท 5 คน