กัมพูชา ร่อนจดหมายเปิดผนึก ฟ้องชาวโลก

View icon 117
วันที่ 23 ธ.ค. 2568 | 06.02 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - กัมพูชา เดินเกม "ภาพลักษณ์ที่ถูกกระทำ" ร่อนจดหมายเปิดผนึก 5 ข้อถึงประชาคมนานาชาติ ย้ำ เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่รักสันติ ไม่มีศักยภาพไปรุกรานไทย

กระทรวงข่าวสารกัมพูชา เผยแพร่เอกสาร "จดหมายเปิดผนึก 5 ข้อ จากราชอาณาจักรกัมพูชาถึงประชาคมนานาชาติ รับบท "ประเทศเล็ก ๆ ที่น่าสงสาร อ่อนน้อม และถ่อมตน"

1. ไม่เคยรุกรานก่อน เพราะเป็นประเทศเล็ก ๆ ศักยภาพไม่พอจะโจมตีไทยที่ใหญ่กว่า 3 เท่า อ้าง เรียกร้องสันติมาตลอด พอยิงกันก็ขอหยุดยิง ถ้าจะทำสงครามจริงคงไม่พูดเรื่องสันติ

2. อ้าง "กฎหมาย-แผนที่" อยู่ฝ่ายกัมพูชา ยึดสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี 1904, 1907 + MOU ปี 2000 โยนไทย "โมเมฝ่ายเดียว" เลยไม่มีสิทธิ์กล่าวหาว่า กัมพูชาละเมิดดินแดน

3. "เราใช้กฎหมาย แต่ไทยใช้ปืน" กัมพูชาบอกเลือกเส้นทางกฎหมาย-การทูต แต่ไทยเลือกความรุนแรง

4. ช้ำลึกจากสงครามในอดีต เลยบอกตัวเอง "รักสันติภาพ" ไม่อยากให้ประชาชนต้องทุกข์อีก

5. กล่าวหาไทยลากยาวสงคราม ใช้อากาศยาน-ระเบิด ไม่ใช่โจมตีเฉพาะทหาร แต่ลามไป ชุมชน วัด โรงเรียน โบราณสถาน ย้ำชัด "ฝ่ายรุกรานคือไทย"

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เกมนี้ กัมพูชาไม่ได้สู้ด้วยปืนอย่างเดียว แต่สู้ด้วย "ภาพลักษณ์" และ "สงครามข้อมูล" เต็มรูปแบบ

ขณะที่ ท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ประกาศทุ่มงบกองทัพ พร้อมทำยุทธศาสตร์สงครามระยะยาว อ้าง กัมพูชาตกเป็นเหยื่อความอยุติธรรมจากน้ำมือไทย พร้อมปลุกกระแสชาตินิยม "จะไม่ยอมก้มหัวให้ใคร" เพราะเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศ กำลังถูกทำร้าย ถูกรุกรานจากกองทัพไทย ด้วยคำอ้าง เป็นการป้องกันตนเองจากการคุกคามของกัมพูชา นี่คือความจริงที่โหดร้ายของการเมืองระหว่างประเทศ

การที่กัมพูชาปกป้องตนเอง ก็จะถูกกล่าวหาว่า เป็นการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง แต่เมื่อกัมพูชา แสดงความยับยั้งชั่งใจ ก็มักถูกมองว่าอ่อนแอ เมื่อร้องขอความยุติธรรม กลับได้รับคำตอบให้อดทน และเป็นเหตุผลที่ทำให้การปะทะกับกองทัพไทยในครั้งนี้ สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับกัมพูชา

ดังนั้น แนวทางข้างหน้าของกัมพูชา คือการเสริมสร้างความเข้มแข็งของประเทศในทุกมิติ เราต้องลงทุนในศักยภาพของเราเองให้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเสริมสร้างเครื่องมือทางการทูตให้เฉียบคมขึ้น เพื่อเปิดโปงเรื่องเล่าเท็จ

รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและการทหาร การสร้างคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การสร้างความสามัคคีของชาติ เพราะสังคมที่แตกแยกนั้น ง่ายต่อการถูกรังแก จึงขอให้คนในชาติรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกัน

นายเจีย ธีริทธิ์ โฆษกส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เพื่อชาติและประชาชน จึงไม่มีคำว่าเหนื่อยล้า สมเด็จฮุน เซน ผ่านการสู้รบ 105 ครั้ง และบาดเจ็บสาหัส 5 ครั้ง

ปัจจุบัน เขากำลังทำงานร่วมกับพระมหากษัตริย์เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ให้แก่เหล่าแม่ทัพในการต่อต้านศัตรู และเมื่อใดก็ตามที่ชาติและประชาชนเผชิญกับความยากลำบาก เขาก็อยู่เคียงข้างเสมอ ชีวิตของเขาเป็นของชาติเขมร

เพจเฟซบุ๊กของ นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ละน้องชายคนเล็ก นายฮุน มานี โพสต์ภาพการนำกลุ่มคนรุ่นใหม่ ออกมาเรียกร้องสันติภาพ เริ่มเดินขบวนจากตลาดกลางคืนริเวอร์ไซด์ ไปจนถึงอนุสาวรีย์อิสรภาพกัมพูชา เพื่อส่งสัญญาณไปยังนานาประเทศ หรือชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ทั่วโลก แสดงจุดยืน ไม่ต้องการที่จะเห็นการทําลายล้าง หรือการสูญเสียชีวิตไม่ว่าสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม

นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา และรัฐบาลอิสระ ที่ยังคงลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ โพสต์ภาพของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน พร้อมตั้งคำถามว่า "หลังจากฮุน เซน เผยแพร่การสนทนาส่วนตัวทางโทรศัพท์แล้ว กัมพูชาได้ประโยชน์อะไรบ้าง" และยังมีคอมเมนต์เพิ่มเติมอีกว่า เนื่องจากการกระทำที่ไร้ศีลธรรมของ ฮุน เซน ได้ลากพาชาวกัมพูชาตกเข้าสู่สงคราม เราเจ็บปวดจากการรุกรานของไทยก็จริง แต่ขออย่าลืมคนชั่วเพียงคนเดียว ที่เป็นผู้ทำให้เราทุกคนต้องตกเป็นเหยื่อไปทั่วทั้งประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง