มท.-อุตฯ-อว.-ดีอี บูรณาการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่น PM 2.5

มท.-อุตฯ-อว.-ดีอี บูรณาการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่น PM 2.5

View icon 29
วันที่ 25 ธ.ค. 2568 | 14.05 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
มท.-อุตฯ-อว.-ดีอี บูรณาการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่น PM 2.5  มุ่งเน้นมาตรการ บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น คืนอากาศสะอาดให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

วันนี้ (25 ธ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมลงนาม มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย เชิงพื้นที่ และเชิงเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ โดยการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงาน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมถึงกลไกการประสานความร่วมมือในระดับพื้นที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ของประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

โดยกระทรวงมหาดไทย  ใช้กลไกของกรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานราชการระดับจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยกำชับให้จังหวัดต่าง ๆ ควบคุมการเผาอ้อยอย่างเข้มงวด บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และดำเนินมาตรการปราบปรามการลักลอบเผาอย่างเด็ดขาด ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชนและเกษตรกรชาวไร่อ้อย ให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ผ่านการบูรณาการการทำงานในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่น

กระทรวงอุตสาหกรรม กำกับดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเผาอ้อย ส่งเสริมการเก็บเกี่ยวอ้อยสดและการนำใบและยอดอ้อยไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย

ส่วนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย GISTDA มีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกอ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายอย่างเป็นระบบ มีการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามการเผาอ้อยแบบเรียลไทม์ โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมความละเอียดสูง เพื่อระบุจุดเผาไหม้ที่มีความเสี่ยงและคาดการณ์การแพร่กระจายของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพื่อนำข้อมูลไปใช้สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย และการควบคุมกำกับดูแลการเผาอ้อยของเกษตรกรและโรงงานน้ำตาล

ขณะที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มุ่งพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อยกระดับการบริหารจัดการข้อมูลด้านอ้อยและน้ำตาลทรายอย่างเป็นระบบ สนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การติดตามแนวโน้มการเผาอ้อย และการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือดิจิทัลที่รองรับการใช้เทคโนโลยี AI อย่างยั่งยืน