เวลา 15.41 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุดรธานี โดยมีกองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ในการนี้ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4, แม่ทัพภาค 2, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, ผู้บังคับการกองบิน 23 พร้อมข้าราชการ และประชาชน รอเฝ้าธุลีพระบาทรับเสด็จ ก่อนจะประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดบึงกาฬ
เวลา 16.53 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งถึงยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) อำเภอเมืองฯ จังหวัดบึงกาฬ โดยมี กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ, พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์, รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ, ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดบึงกาฬ, รองแม่ทัพภาคที่ 2, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมข้าราชการ และประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เป็นจำนวนมาก ก่อนประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาพิธี บริเวณกลางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาพิธีกลางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ในเวลาเดียวกันกับนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศแห่งสาธาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนางนาลี สีสุลิด ภริยา ซึ่งเดินมาจากฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถึงพลับพลาพิธีฯ ในการนี้ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับประธานประเทศแห่งสาธาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และภริยา
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) พร้อมด้วย นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศแห่งสาธาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนางนาลี สีสุลิด ภริยา ซึ่งจัดสร้างขึ้น เนื่องจากราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความสัมพันธ์อันดีกันมายาวนาน โดยจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 75 ปี ในเดือนธันวาคมนี้ รวมทั้งสองประเทศมีการเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่งสินค้าและการผ่านแดนของประชาชนผ่านเส้นทางแม่น้ำโขงเป็นหลัก จึงมีการก่อสร้างสะพานขนาดใหญ่เชื่อมโยงสองประเทศหลายแห่ง ซึ่งสามารถสนับสนุนการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน ส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศเป็นอย่างดี สำหรับงานก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพัฒนาจังหวัดบึงกาฬและพื้นที่ใกล้เคียง รองรับความต้องการสัญจร และขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมทั้ง ยังเป็นส่วนสำคัญในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง และยุทธศาสตร์ความร่วมมือ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการค้าและเชื่อมโยงภูมิภาคอย่างยั่งยืน
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เชื่อมระหว่างอำเภอเมืองฯ จังหวัดบึงกาฬ ราชอาณาจักรไทย กับเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สาธาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นสะพานคานขึงคอนกรีตอัดแรง ความยาว 1,350 เมตร นับเป็นสะพานระหว่างประเทศแห่งแรกของไทย ที่เลือกใช้รูปแบบนี้ ซึ่งผสมผสานระหว่างการใช้พื้นสะพานของสะพานคอนกรีตอัดแรงกับการใช้เสาหลักและเคเบิลของสะพานขึง เพื่อช่วยรับน้ำหนักของสะพาน โดยมีเสาหลักอยู่กลางแม่น้ำจำนวน 4 เสา มีระยะห่างระหว่างเสาหลัก 150 เมตร ซึ่งลดโอกาสที่จะมีสิ่งกีดขวางลำน้ำมาติดที่บริเวณเสาสะพาน รวมถึงรองรับการเดินทางโดยเรือขนส่งขนาดใหญ่ได้ในอนาคต สำหรับเสาหลักของสะพานสำหรับยึดเคเบิล ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของ "แคน" เครื่องดนตรีท้องถิ่นแห่งลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมร่วมของไทยและลาว รวมถึงสายเคเบิลที่เปรียบเสมือนสายใยแห่งความผูกพันธ์ประสานแผ่นดินสองฝั่งโขง
นอกจากนี้ ด้านเทคโนโลยี สะพานแห่งนี้ ยังเป็นสะพานระหว่างประเทศแห่งแรกของไทย ที่มีการติดตั้งระบบเฝ้าติดตามพฤติกรรมของสะพาน เพื่อตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมของสะพานระหว่างการใช้งานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้มีความสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและช่วยยืดอายุการใช้งานสะพาน
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซฝั่งไทย พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึก, นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตราไปรษณียากรที่ระลึกสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 และนายสุพล เจริญภูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ "สิริบึงกาฬราชพัสตรา" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึก, นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายตราไปรษณียากรที่ระลึกสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 และนางจิรภา เจริญภูมิ นายกเหล่ากาชากาดจังหวัดบึงกาฬ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ "ขวัญมิ่งสองฝั่งโขง" แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ก่อนประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
จากนั้น ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร โดยมี กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4, แม่ทัพภาค 2, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, ผู้บังคับการกองบิน 23 พร้อมข้าราชการ และประชาชนจังหวัดอุดรธานี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ส่งเสด็จ