เชื่อ กัมพูชา ฟ้องแน่ ปราสาทพระวิหารเสียหาย

View icon 27
วันที่ 29 ธ.ค. 2568 | 07.05 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - กำลังจะผ่านตัวเลข 48 ชั่วโมง ช่วงเที่ยงวันนี้ ทั้งไทย และกัมพูชา ต่างก็ยังรักษาสัญญาที่ได้ลงนามหยุดยิงกันไว้อย่างเหนียวแน่น ตอนนี้พักเรื่องสู้รบ เข้าสู่โหมดต่อสู้เรื่องความชอบธรรม ที่จะเอาไปบอกกับเวทีโลก "กัมพูชา" ก็ไม่อยู่เฉย เริ่มเคลื่อนไหวสำรวจความเสียหายแล้ว

เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ของ "กัมพูชา" เข้าไปสำรวจความเสียหาย หลังการปะทะยิงต่อสู้กับทหารไทย ภายในปราสาทพระวิหาร ของกัมพูชา ซึ่งอย่างที่ไทยเราบอก จุดไหนที่เป็นฐานทางการทหาร ไทยก็จะต้องโจมตีเพื่อลดขีดความสามารถในการสู้รบ ไม่ให้กลายเป็นภัย เป็นอันตรายต่อพลเรือน

ซึ่งไทยก็ยืนยันมาตลอดว่าเป้าหมายไม่ใช่ตัวโบราณสถาน แต่เป็นฐานทางการทหารที่กัมพูชาเข้าไปตั้งอยู่ในนั้น และจุดนี้ก็คือ 1 % ที่ไทยไม่ได้ยึดไว้

แต่ก็ฝากรอยแผลไว้ที่เชิงทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร ทำลายเส้นทางลำเลียงยุทโธปกรณ์ของกัมพูชา ซึ่งถ้ากัมพูชาปฏิบัติตามที่ลงนามสัญญากันไว้ในช่วง 72 ชั่วโมงนี้ ก็จะทำได้เพียงการสำรวจความเสียหาย แต่ไม่สามารถเสริมกำลังทางทหารเข้าสู่พื้นที่นี้ได้

ล่าสุด ซ่อมแล้ว เส้นทางขึ้นเขาพระวิหารตรงแถวช่องคานม้า กลับมาใช้งานได้แล้ว ทหารเขมรซ่อมแซมชั่วคราวโดยเอาดินมาถมหลุมระเบิดพอให้รถยนต์วิ่งผ่านได้ เพราะดูดินบริเวณที่นำมาถมเห็นรอยล้อรถยนต์วิ่งผ่านแล้ว

แน่นอนว่า "กัมพูชา" ไม่พลาดที่จะนำเรื่องนี้ และความเสียหายตามสถานที่ต่าง ๆ ไปฟ้องชาวโลกอยู่แล้ว พยายามจะชี้ให้เห็นว่าไทยกระทำเกินกว่าเหตุ และถ้าเป็นไปได้ก็จะเรียกร้องความเสียหายผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตามที่ประชาชนชาวกัมพูชาต้องการ

เรื่องนี้ นายภวัต แอดมินเพจฯ ThaiArmedForce.com ให้ความเห็น เชื่อว่ากองทัพสามารถชี้แจงเรื่องนี้กับประชาคมโลกได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ "กัมพูชา" ไปตั้งฐานต่อสู้ในจุดใดก็แล้วแต่ ตามกฎบัตรสหประชาชาติ พื้นที่นั้นจะกลายเป็น "พื้นที่ทางทหาร" ที่ไทยสามารถโจมตีได้ทันที

นอกจากโบราณสถาน และวัดต่าง ๆ แล้ว อีกอย่างที่ กัมพูชา เห็นแล้วรู้สึกเศร้า ก็คือ ภาพการกางรั้วลวดหนามเป็นทางยาวหลายพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดโพธิสัด ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ ที่มีที่ตั้งของกาสิโน และฐานสแกมเมอร์ รวมถึงที่ กาสิโนทมอดาซิตี้ ก็ถูกจัดระเบียบวางแนวป้องกันไว้อย่างชัดเจน

ส่วนในโซเชียลฯ ของกัมพูชา ก็มีคนเข้าไปแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ค่อนข้างดุเดือด ส่วนหนึ่งก็พยายามขอให้ชาวกัมพูชาอดทน ยอมรับความจริงเรื่องที่สูญเสียดินแดนไป ขอให้เชื่อว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะได้พื้นที่ที่เสียไปกลับคืนมา

ขณะที่บางคนก็ยังคงเชื่ออย่างสนิทใจว่า กัมพูชาชนะการรบอย่างสมบูรณ์ และมองว่าไทยสูญเสียมากกว่า จึงต้องรีบลงนามหยุดยิง เพราะทนรับกับความเสียหายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ส่วนเรื่องที่มีคนตั้งข้อสังเกต เครื่องบินลำเลียงสินค้าทางอากาศ ของสายการบินเบลารุส บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีการใช้เส้นทางการบินที่จงใจบินอ้อมน่านฟ้าไทย และ "เบลารุส" เป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัสเซีย จึงเกิดข้อสงสัยว่า สินค้าอะไรที่ต้องเร่งนำส่งกัมพูชาเป็นการเร่งด่วนขนาดนั้น

ถ้าไปดูความเห็นชาวไทย ส่วนใหญ่เชื่อว่าที่มากับเครื่องบินต้องเป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้สู้กับเครื่องบินไทย เพราะช่วงที่ยังมีการสู้รบกันอยู่ ผู้นำของกัมพูชา หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เคยแถลงข่าว ก็พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า ถ้าไทยไม่ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด เชื่อว่าทหารกัมพูชาจะไม่เสียเปรียบแน่ เลยเกิดเป็นข้อสงสัยว่าสิ่งที่ลำเลียงมาน่าจะเป็นอาวุธ

สอบถามเรื่องนี้กับ นายภวัต ก็วิเคราะห์ว่า สิ่งที่กัมพูชานำเข้ามาน่าจะเป็นของที่มีขนาดเล็ก เพราะขนาดเครื่องบินลำเลียงสินค้าไม่เหมาะกับการขนยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ ถ้าให้เดาที่ใกล้เคียงสุด ไม่ใช่กระสุน ก็น่าจะเป็นโดรน แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นอาวุธหรือไม่

ส่วนเรื่องยกที่ 3 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ตราบใดที่ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ยังเป็นผู้นำ และต้องการสร้างคะแนนเสียง และความมั่นคงทางการเมือง แล้วยังไม่สามารถนำชัยชนะใด ๆ ไปคุยกับประชาชนในประเทศได้ ไทยก็ยังเสี่ยงต้องสู้รบกับกัมพูชาอยู่เรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม เพจฯ กองทัพอากาศ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความนี้ ระบุ "ขอให้มั่นใจกองทัพ มีมาตรการป้องกัน และเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ยืนยันไม่มีภัยคุกคาม ขอให้ยุติข่าวลือที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง"

ด้าน เพจ Facebook : Army Military Forces ได้โพสต์ภาพนิ่ง และข้อความว่าเครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดใหญ่จากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน "Air China Cargo" ลงสนามบินนานาชาติเตโช ซึ่งในระหว่างการเดินทางบนระบบ Flightradar24 ไม่มีการระบุปลายทางที่ชัดเจน จนกระทั่งเครื่องลงจอด

อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมารัฐบาลจีนประกาศว่าได้จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินให้แก่รัฐบาลกัมพูชา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ยังมีข้อมูลอีกว่า เที่ยวบิน "Air China Cargo" เป็นเที่ยวบินที่มีผู้ติดตามสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง