ถึงจังหวัดบ้านเกิดแล้ว ชรบ.ศรีสะเกษ เสียชีวิตหลังถูกสะเก็ดระเบิดกัมพูชา ทำหน้าที่จนลมหายใจสุดท้าย
จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 68 ที่บริเวณวัดป้าลานพยอมธรรมสถาน ม.3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มี ชรบ. ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่กัมพูชายิงมายังประเทศไทย ทำให้มีผู้บาดเจ็บบริเวณศีรษะ ทราบชื่อคือ นายสมัย จันตียืน อายุ 49 ปี ชาว ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบอยู่บริเวณดังกล่าว เบื้องต้นได้นำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.กันทรลักษ์ ก่อนจะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชานี
ล่าสุด วันนี้ (29 ธ.ค. 68) นายสมัย จันตียืน (ชรบ.) ได้เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยพิธีบำเพ็ญกุศลศพจะจัดขึ้นที่วัดมหาพุทธาราม หรือ วัดพระโต เนื่องจากที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต คือ ตำบลเสาธงชัย ทางจังหวัดศีสะเกษ ยังมีประกาศไม่ชาวบ้านกลับเข้าบ้านในพื้นที่ดังกล่าว จึงต้องนำศพมาประกอบพิธีไว้ที่วัดดังกล่าว โดยบรรยากาศที่วัด เจ้าหน้าที่พิธีการจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ได้เข้ามาเตรียมสถานการณ์ นำโต๊ะเก้าอีกมาจัดเรียง จัดจุดให้แขกผู้มีเกียรติ ญาติๆ ได้รดน้ำศพ นายสมัย จันตียืน (ชรบ.) ผู้เสียชีวิต ต่อมาเมื่อเวลา 15.56 น. ร่างของ นายสมัย จันตียืน (ชรบ.) ก็เดินทางมาถึงซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ด้าน น.ส. สุนิตา เพ็งจันทร์ อายุ 26 ปี หลานของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เป็นคนอำเภอเบญจลักษ์ แต่ไปมีครอบครัวที่ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ ก่อนวันเกิดเหตุ นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) ได้กลับบ้านเกิดที่อำเภอเบญจลักษ์ เพื่อไปเล่นและพูดคุยกับญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ แต่ก็รีบกลับไปทำหน้าที่ ชรบ. ที่ตำบลเสาธงชัย เหมือนสัญญาณบอกเหตุว่า นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) จะมาร่ำลาญาติ พอวันต่อมา นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) ก็ถูกสะเก็ดระเบิดและก็มาเสียชีวิตในเวลาต่อมา
น.ส. สุนิตา เล่าให้ฟังอีกว่า นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) เป็นคนดีชอบเข้าวัดทำบุญ วันเกิดเหตุ นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) ก็เข้าวัดเพื่อไปทำบุญ เนื่องในวันพระ แต่ตอนออกมากับมาถูกสะเก็ดระเบิดของกัมพูชา ตอนรู้ข่าวว่า นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) ถูกสะเก็ดระเบิดก็ไม่รู้ถูกจุดไหน มารู้อีกที่ถึงรู้ว่าถูกตรงบริเวณศรีษะ ตอนนี้รับไม่ได้ และยังทำใจไม่ได้ ถึงตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจ แต่ก็ภูมิใจที่ นายสมัย (ผู้เสียชีวิต) ได้ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย
ด้าน นายสุรชีพ เจียงเพ็ง อายุ 44 ปี เล่าถึงวันเกิดเหตุให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ พวงตนพร้อม ชรบ. และผู้ตาย กำลังจัดภัตตาหารถวายพระ และพระเพิ่งเริ่มฉันได้ประมาณ 2 นาที จู่ ๆ ก็มีระเบิดตกลงภายในวัดอย่างกะทันหัน ตนจึงตะโกนบอกให้ นายสมัยฯ หลบ พร้อมทั้งหมอบลงกับพื้น แต่คาดว่าผู้ตายอาจหลบไม่ทัน หรือเกิดเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นถูกบริเวณศีรษะจนล้มลง จากนั้นทุกคนได้ช่วยกันประคองร่างผู้บาดเจ็บ ซึ่งในขณะนั้นมีอาการอ่อนแรงเหมือนจะหมดสติแล้ว ต่อมา เจ้าอาวาสได้สั่งให้ทุกคนเข้าหลบในบังเกอร์ และรีบประสานรถโรงพยาบาลเข้าช่วยเหลือ นำผู้บาดเจ็บส่งรักษาเป็นการด่วน
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 29 ธ.ค. 68 จะมีพิธีอัญเชิญกล่องน้ำหลวงพระราชทาน พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โดยจะมี นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรถน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาหลวงพระราชทาน ในครั้งนี้ โดยศพของ นายสมัย จันตียืน จะเก็บไว้สวดพระอภิธรรม 2 คืน ก่อนที่จะมีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 31 ธ.ค. 68
