ครบ 72 ชม. หยุดยิง ไทยรักษาสัญญาปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม

ครบ 72 ชม. หยุดยิง ไทยรักษาสัญญาปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม

View icon 41
วันที่ 30 ธ.ค. 2568 | 17.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นิกรเดช ยันครบ 72 ชม. หยุดยิง ไทยรักษาสัญญาปฏิบัติตามข้อตกลงร่วม ส่วนการปล่อยตัว 18 ทหารกัมพูชา จะรู้ผลเร็ว ๆ นี้  ส่วนประชุม JBC จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มีความชัดเจนเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด

วันนี้ (30 ธ.ค.68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บรรยายสถานการณ์ไทย-กัมพูชา แก่คณะทูต 60 ประเทศ 1 องค์กรและ 3 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 78 คน หลังครบกำหนด 72 ชั่วโมง ตามข้อตกลงหยุดยิง

นายนิกรเดช ย้ำว่า ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ฝ่ายความมั่นคงยังตรวจพบว่า มีโดรนของฝ่ายกัมพูชาบินล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ซึ่งเข้าข่ายการละเมิด ข้อตกลงถ้อยแถลงร่วมข้อ 6 คือ จะไม่กระทำการยั่วยุใด ๆ รวมถึงกิจกรรมทางทหารในการรุกล้ำน่านฟ้าและดินแดนของอีกฝ่าย ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวทหาร 18 นาย ซึ่งกระทรวงกลาโหมทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการหารือกันโดยตรงแล้ว ตามข้อ 14 ของถ้อยแถลงร่วม และกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้ออกประกาศห้ามบินโดรน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว ส่วนการพิจารณาปล่อยตัวทหาร 18 นาย ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคง แต่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

สำหรับการการดำเนินการต่อไปฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาจะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามข้อตกลงร่วม และการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่รวมถึงการเก็บกู้ทุนระเบิดด้วย

ส่วนกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้ ทั้งที่ลงนามข้อตกลงร่วมไม่นาน นายนิกรเดช กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประณามไปแล้วในฐานะเป็นสมาชิกรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามกรอบปฎิบัติตามถ้อยแถลงร่วม ซึ่งได้ส่งหนังสือประณามไปยังกัมพูชาแล้ว รวมถึงการดำเนินการตามกลไกของอนุสัญญาออตตาวาแล้ว และยังมีทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่ฝ่ายไทยเข้าควบคุมก่อนจะมีการลงนามถ้อยแถลงร่วม

และเมื่อมีเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ฝ่ายไทยก็จำเป็นต้องประท้วง ซึ่งเป็นไปตามแนวปฏิบัติสากลและเป็นการแสดงท่าทีของฝ่ายไทยที่มีผลเชิงกฎหมายและมีผลเชิงการทูตอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญตามกฏหมายระหว่างประเทศและเป็นการรักษาความชอบธรรม การปกป้องสิทธิอธิปไตยของไทยในระยะยาว แต่สิ่งที่สำคัญขณะนี้คือการที่ประชาชนจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและฝ่าย ซึ่งจะเป็นผู้ประเมินความปลอดภัยในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมการการประชุม JBC  นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา หรือ JBC ที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอ ประเทศไทยรับฟังเพราะเป็นข้อเสนอภายใต้กลไกทวิภาคี และ สิ่งที่กัมพูชาเสนอเกิดขึ้นก่อนการประชุมอาเซียนซัมมิท ก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยพิเศษ และก่อนการประชุม GBC ดังนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมีการทบทวนเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะ ในขณะที่ประเทศไทยเห็นด้วยกับการใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาแต่ ณวันนี้ ทหารไทยถูกกับระเบิดขาขาด 11 รายแล้ว ดังนั้นการจะประชุม JBC กันได้ จะต้องมีการพูดคุยเรื่องเก็บกู้ทุนระเบิดก่อน ดังนั้นการประชุม JBC จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีกลไก อะไรที่เกี่ยวกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ชัดเจนก่อน

ส่วนเรื่องการปักปันเขตแดน เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการหลังยุบสภา ทำให้รัฐบาลไม่อาจจะอยู่ในสถานะที่จะส่งผู้แทนไปเจรจาเรื่องเขตแดนได้ในรัฐบาลนี้

นายนิกรเดช ยังกล่าวว่า หวังว่าจะไม่เกิดการปะทะกันเกิดขึ้นหลัง 72 ชั่วโมง เพราะอย่างกรณีที่พบโดรน รัฐมนตรีกลาโหมของไทยก็มีกลไกลในการติดต่อกับรัฐมนตรีกลาโหมของฝั่งกัมพูชาโดยตรง ดังนั้นจึงต้องย้อนกลับไปดู ในข้อตกลงร่วม ซึ่งจะเป็นตัวกำกับว่าทั้งสองฝ่ายจะทำอย่างไรกันต่อ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง