“เพื่อไทย” ลุยหาเสียงเขตคันนายาว มั่นใจนโยบายลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย สามารถทำได้จริง ควบคู่พลังงานทดแทน ตั้ง “ชูศักดิ์” ตรวจสอบเหตุทุจริตเลือกตั้ง หลังถูกทำลายป้ายรายวัน
.
วันสิ้นปี (31 ธ.ค.68) นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และ ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 15 และ เขต 14 ลงพื้นที่หาเสียงยามเช้า ณ ตลาดสายเนตร เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
.
นายยศชนัน กล่าวว่า ตลอดวันนี้ที่ได้ลงพื้นที่แต่ก็ได้รับกำลังใจจากประชาชนอย่างมาก ได้พูดคุยกันเรื่องนโยบายพอสมควร โดยนโยบายหลายอย่างของเราโดนใจพี่น้องประชาชน
.
“เราพยายามที่จะทำไปข้างหน้ามีเวลาอีกหนึ่งเดือน ในเรื่องของกระแสไม่มีปัญหา สิ่งที่สำคัญคือการส่งมอบนโยบายที่ถูกต้องให้กับคนในพื้นที่ ตรงนี้จะเป็นจุดที่น่าจะนำคะแนนกลับมา” นายยศชนัน กล่าว
.
นายยศชนัน กล่าวว่า ได้ถามประชาชนที่พบเรื่องปากท้อง ไม่ว่าจะจุดไหนของกรุงเทพ มีเรื่องของหนี้สิน และ พบว่าประชาชนยังรอรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งนโยบายนี้สามารถผลักดันต่อให้ได้ใช้ ภายใน 3-6 เดือน ทั้งนี้ประชาชนในหลายพื้นที่อาจไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า ก็นโยบายรถเมล์แอร์ 10 บาท ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 3.70 บาท สามารถทำได้ โดยนำพลังงานทดแทนกลับมาด้วย เช่น โซลาร์เซลล์ ซึ่งจะทำให้ลดค่าไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน และเ รื่องหวยเกษียณ ที่จะสร้างการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณได้ สามารถทำต่อได้ทันที หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาล
.
ส่วนเรื่องที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอยากให้มีการเลือกตั้งแบบแฟร์ ไม่อยากให้ชกใต้เข็มขัดนั้น นายยศชนัน กล่าวว่า ได้ยืนยันมาตลอดว่า การมองไปข้างหลังว่าใครจะดีกว่ากันนัน ไม่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การมองไปข้างหน้า มองความเดือดร้อนที่ประชาชนต้องเผชิญ แล้วให้ของขวัญกับประชาชน เป็นนโยบายที่ทำให้เขาพลิกฟื้นชีวิตกลับขึ้นมาอีกครั้ง
.
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องการทุจริตกันเลือกตั้ง ได้มีการติดตามทางพรรคเพื่อไทยได้มีการตั้งกองตรวจสอบเหตุทุจริตการเลือกตั้ง นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค โดยเราจริงจังกับเรื่องนี้เพราะพรรคเราโดนกระทำครั้งมาหลายครั้ง เชื่อว่าจะมีเหตุทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นหน้าที่ที่ผู้สมัครต้องคอยสอดส่องดูแล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กกต. และหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมคอยสอดส่อง ในช่วงต้นของการเลือกตั้งอาจจะยังไม่มีการลงไปซื้อเสียง แต่เรามีการเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง
นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การเมือง สิ่งที่พรรคการเมืองทำได้คือการนำเสนอนโยบาย รวมถึงแนวอุดมการณ์ความคิดของพรรคที่เป็นประจักษ์กับพี่น้องประชาชน เราจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน