สุดเศร้า หนุ่มขับรถเก๋งไปจอดในที่เปลี่ยว จุดเตาอั้งโล่รมควันจบชีวิตตนเอง ในวันคล้ายวันเกิด
(10 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 12 .00 น. ศูนย์วิทยุแจ้งเหตุกู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ ศรีราชา ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในรถเก๋งบริเวณ หมู่ 9 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงประสาน พ.ต.ต.ภคิณ นันบุญ สารวัตรสอบสวน สภ. หนองขาม และเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เข้าร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนชลบุรี จอดดับเครื่องอยู่ใต้ต้นไม้ ตรวจพบชายเสียชีวิตนอนอยู่ภายรถฝั่งที่นั่งคนขับ ทราบชื่อภายหลังคือ นายสุรศักดิ์ อายุ 39 ปี มีอาชีพเป็นช่างตัดผม พบบัตรประชาชนระบุเกิดวันที่ 9 ธันวาคม ภายในรถเก๋งบริเวณที่วางเท้า เบาะที่นั่งด้านหลังฝั่งซ้าย พบเตาอั้งโล่วางอยู่ ภายในเตามีเศษถ่านที่ถูกการเผาไหม้แล้วหลงเหลือ ด้านข้างยังมีถุงถ่านวางอยู่อีก 1 ถุง
จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย ไม่พบบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อญาติและทางญาติได้เดินทางมาดูศพในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อ คือ กิตติพงษ์ รับเป็นเพื่อนรุ่นพี่ผู้เสียชีวิต เมื่อเดินทางมาเห็นศพถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ โดย กิตติพงษ์ เพื่อนรุ่นพี่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองเป็นพี่ชายที่สนิทอาศัยอยู่บ้านเดียวกันพร้อมกับแม่ ซึ่งเมื่อวานนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของผู้เสียชีวิต ตนเองได้พยายามติดต่อหา แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมรับสาย จนกระทั่งลองประกาศตามหาในเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่มีใครพบ จนมาวันนี้ถึงได้ทราบว่าน้องชายมาเสียชีวิตแล้ว ซึ่งโดยปกติผู้เสียชีวิตไม่ค่อยเปิดปากเรื่องเครียดหรือปัญหาชีวิตใดๆกับตนเองจึงไม่ทราบว่าสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากอะไร
ด้าน นายจักรพงษ์ อายุ 49 ปี ผู้ที่พบศพคนแรกเปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ในช่วงเย็นตนเองเห็นรถเก๋งคันดังกล่าวมาจอดอยู่ ซึ่งตนจะใช้เส้นทางนี้เข้าออกเป็นประจำเนื่องจากทำงานในบริเวณที่เกิดเหตุแต่ตนไม่ได้สนใจอะไร พอวันรุ่งขึ้นมีเพื่อนจะมาเปลี่ยนเวร ได้มาพูดคุยกับตนว่า ยังพบรถเก๋งจอดอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังไม่ไปไหน จึงชวนกันลงมาดู พบเห็นชายคนดังกล่าวเหมือนคนนอนหลับอยู่ในรถ จึงเดินเข้าไปเรียกแต่ไม่มีการตอบรับ จึงสังเกตพบว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งมองจากนอกรถเข้าไปพบเตาอั้งโล่วางอยู่บริเวณหลังรถด้วย
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานก่อนประสานญาติให้ทราบเรื่อง ก่อนจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งที่โรงพยาบาลแหลมฉบังต่อไป
