มีเหตุการณ์ระทึกเกิดขึ้นภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อจู่ ๆ อดีตอาสากู้ภัยมีอาการเครียดหนัก ภายหลังถูกภรรยาบอกเลิกและขอหย่าร้าง จนเกิดคลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปหาลูกสาวตัวเองถึงในห้องเรียน พร้อมกับชักปืนปากกาจี้ลูกสาวเป็นตัวประกัน หวังประชดภรรยา สุดท้ายตำรวจบุกเข้าชาร์จตัวได้ทันควัน โดยไม่มีใครเป็นอะไร
ตำรวจ สภ.นางรอง นำกำลังเข้าชาร์จตัวอดีตอาสากู้ภัยรายนี้ได้สำเร็จ ภายหลังเจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง พร้อมกับยื้อแย่งปืนปากกาที่ถืออยู่ในมือเอาไว้ได้ โดยขณะเกิดเหตุมีเสียงปืนลั่นดังขึ้น 1 นัด แต่เคราะห์ดีไม่โดนใคร เหตุการณ์ระทึกในครั้งนี้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง พื้นที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากอดีตอาสากู้ภัย ผู้ก่อเหตุเกิดความเครียดถูกภรรยาบอกเลิก และขอหย่าร้าง
ทำให้เกิดคลุ้มคลั่งขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาหาลูกสาวอายุ 7 ขวบ ในโรงเรียน ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.1 โดยได้เข้ามาในห้องเรียน พร้อมกับพูดจาวกวนไปมาคล้ายกับคนมึนเมา โดยมีปืนปากกาอยู่ในมือ ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของครูและเพื่อนนักเรียนในห้อง ต่างก็รีบวิ่งหนีออกมา ระหว่างนั้นเขาได่้้นั่งประกบด้านข้างตัวลูกสาวไว้ตลอดเวลา
จนกระทั่งมีตำรวจเข้ามาเจรจาพูดคุยสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จนเขายอมปล่อยตัวลูกสาวออกมา และเมื่อสบโอกาสจึงนำกำลังบุกเข้าชาร์จตัวดังกล่าว ขณะที่เจ้าตัวก็ร้องไห้ฟูมฟาย และบ่นน้อยอกน้อยใจภรรยาของตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยตำรวจได้พาตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพักก่อนที่จะสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ารักลูกและภรรยามาก ยอมเหน็ดเหนื่อยทุกอย่าง แต่ภรรยากลับไม่รัก ใครไม่มาเจอแบบเขาก็คงไม่รู้
มีรายงานว่าขณะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำอดีตอาสากู้ภัยรายนี้อยู่ ก็ได้พาตัวภรรยาของเขามาหา เพื่อหวังจะให้ปรับความเข้าใจกัน แต่ปรากฏว่าตัวภรรยาเองก็ยังยืนยันที่จะหย่าร้าง โดยให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ว่า ต้องการจะหย่าร้างกับเขา ทำให้เขารู้สึกเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนที่เกิดเหตุ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุพบเห็นอดีตอาสากู้ภัยรายนี้ ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในโรงเรียน พร้อมกับแสดงตัวเป็นผู้ปกครอง จึงเปิดประตูให้เข้ามาโดยไม่มีท่าทีพิรุธต้องสงสัยแต่อย่างใด และไม่รู้ว่าพกปืนมาด้วย จนมารู้ในตอนหลัง ช่วงที่ครูโทรแจ้งตำรวจก็ตกใจ
ภายหลังสอบปากคำ ตำรวจ สภ.นางรอง ได้ดำเนินคดีกับอดีตอาสากู้ภัยรายนี้ใน 4 ข้อหาด้วยกันคือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข้อหาพกปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุุอันควร, ข้อหาพกปืนเข้ามาในสถานที่ราชการ และข้อหาเสพสารเสพติด