ประเด็นเด็ด 7 สี - ปีหน้าค่าไฟฟ้าบ้านยังเท่าเดิม ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมคือภาคธุรกิจ วันนี้ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ รวบรวมธุรกิจที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุด มานำเสนอ แน่นอนว่าค่าไฟฟ้าจะมีผลต่อราคาสินค้าด้วย
ว่ากันว่า มีอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าเยอะที่สุด มี 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ในจำนวนนั้นมีสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มด้วย มีตัวเลขออกมาแล้วครับว่า โอกาสที่สินค้าในกลุ่มนี้จะขยับสูงขึ้นมีความเป็นไปได้สูงมาก และน่าจะขยับขึ้นราว 9-12%
ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด มี 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ เคมี, เหล็ก, เยื่อและกระดาษ, อะลูมิเนียม, หล่อโลหะ, แก้วกระจก, ปูนซีเมนต์, เซรามิก, อาหารและเครื่องดื่ม, โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม, ปิโตรเคมี จะได้รับผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 9-12%
ส่วนกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าปานกลาง 16 กลุ่มอุตสาหกรรม คร่าว ๆ เช่น ยาง, พลาสติก, ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น, ยานยนต์, ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์, กลุ่มนี้หากจะปรับขึ้นราคาสินค้า ก็จะปรับประมาณ 6-8%
ส่วนกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่มีการใช้ไฟฟ้าน้อย มี 18 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร, ยา, อัญมณีและเครื่องประดับ, จะกระทบ ทำให้ต้องปรับเพิ่มราคาสินค้าอีกไม่เกิน 5% ดู ๆ แล้วปีหน้า หรือเดือนหน้านี่หล่ะสินค้าจะพาเหรดขึ้นราคาอีกหลายรายการ
เรื่องนี้เรียกว่า ภาคเอกชนก็ไม่ทน ล่าสุด ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาล กลับไปทบทวนโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง หวั่นไม่เพียงแต่สินค้าจะแพงขึ้น แต่จะกระทบขีดความเชื่อมั่นทางการแข่งขัน อย่าลืมว่า เวียดนามที่จ้อง ๆ จะแซงไทยในทุกด้าน ค่าไฟฟ้าเค้าถูกกว่าเรามาก อาจจะเป็นไปได้ว่า หากค่าไฟฟ้าบ้านเราแพง ต้นทุนค่าแรงก็พุ่ง การขยายฐานการผลิต แทนที่จะเกิดในบ้าน เราแต่นักลงทุนอาจจะเลือกลงทุนที่อื่น โดยเฉพาะเวียดนาม
แต่สินค้าอาหารบางกลุ่มที่จัดเป็นสินค้าควบคุม อาจจะหมดสิทธิที่จะมีการปรับขึ้นราคา เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องขอความร่วมมือเพื่อดูแลประชาชน เรื่องนี้ยังคงต้องลุ้นกันต่อ เพราะกระทรวงพลังงานเอง ก็เตรียมหาช่องทางแบ่งเบาภาระผู้บริโภคแล้ว
