รวบ อ.บาส หลอกลงทุนประมูลผลิตเครื่องแบบรัฐ เสียหาย 17 ล้านบาท

รวบ อ.บาส หลอกลงทุนประมูลผลิตเครื่องแบบรัฐ เสียหาย 17 ล้านบาท

View icon 167
วันที่ 31 ธ.ค. 2565 | 13.14 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบ อ.บาส หลอกลงทุนประมูลผลิตเครื่องแบบรัฐ เสียหาย 17 ล้านบาท นำเงินซื้อรถหรูขับ พบประวัติก่อคดีเพียบ มีหมายจับอื้อ

วันนี้ (31 ธ.ค.65) บก.สส.บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น เผยว่า พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายหมวดตรี หรือบาส อายุ 35 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 28 มิ.ย.65 ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถชั้น 4 ภายในห้างสรรพสินค้าย่านพระราม 3

การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งจากประชาชนว่าซึ่งถูกอาจารย์บาสหรือหมวดตรีใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเพจ Facebook ให้ร่วมลงทุนรับเหมาหรือรับจ้างทำงานกับส่วนราชการ โดยเป็นการตัดชุดเครื่องแบบของหน่วยงานราชการหน่วยต่างๆ ซึ่งการลงทุนแต่ละงานคนร้ายจะให้รายละเอียดเป็นชื่องาน จำนวนผลตอบแทนที่จะได้รับจากการนำเงินมาลงทุนในจำนวนเงินที่สูงประมาณร้อยละ 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ชนิดของงานที่ประมูล และมีวันที่จะได้ผลตอบแทนพร้อมเงินต้นในงานนั้น เช่น งาน A มีค่าตอบแทนร้อยละ 20 ส่งงานภายในกำหนดวันที่ 12 ม.ค. รับเงินวันที่ 14 ม.ค. เท่ากับว่าหากลงทุน 10,000 บาท จะได้ผลกำไร 2,000 บาท รวมในวันที่ 14 ม.ค. จะได้เงินคืน 12,000 บาท เป็นต้น

เมื่อผู้เสียหายตัดสินใจลงทุนจะต้องส่งชื่อบัญชีพร้อมเลขที่บัญชีธนาคารให้คนร้าย และโอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคาร แต่เมื่อถึงวันที่ผู้เสียหายจะต้องได้รับเงินพร้อมค่าตอบแทนคืน กลับไม่ได้รับเงินคืนจากคนร้าย สอบถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด ซ้ำยังถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินคืน ไม่มีการตอบรับจากทางเพจหรือไลน์ดังกล่าว เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง คนร้ายจะติดต่อกลับมาขอเจรจาแบ่งผ่อนชำระ แต่สุดท้ายก็บ่ายเบี่ยงผิดนัดชำระอีกและก็ไม่สามารถติดต่อได้เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนวิเคราะห์พบว่ามียอดเงินที่โอนเข้าจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบาท 

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2554 ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง พื้นที่ สน.ยานนาวา ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหาตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พื้นที่ สภ.เมืองระยอง ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกง พื้นที่ สภ.สาขลา จังหวัดสมุทรปราการ และครั้งที่ 4 เมื่อปี 2565 ถูกจับกุมในข้อหาตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน,ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน พื้นที่ สภ.เมืองระยอง นอกจากนี้ พบว่าผู้ต้องหามีหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี อีก 3 หมายจับ ประกอบด้วย 1. หมายจับศาลแขวงนนทบุรี คดีออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำ 2. หมายจับศาลแขวงธนบุรี คดี ร่วมกันฉ้อโกง และ 3.ศาลอาญาพระโขนง คดีฉ้อโกง

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่าปัจจุบันตนเปิดบริษัทเป็นของตนเอง ทำธุรกิจรับส่งออก นำเข้า ผลิตเครื่องแต่งกายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาต ชุดนักเรียน เป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ส่วนการรับประมูลงานตัดชุดเครื่องแบบหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ตนโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเพจ Facebook ยอมรับว่ากระทำจริง โดยตั้งใจจะให้ผลกำไรคืนแก่ผู้เสียหายตามที่ได้มีการประกาศไว้ แต่เนื่องจากตนไม่สามารถยื่นประมูลงานจากหน่วยงานราชการมาทำได้ และได้นำไปซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อดังต่างๆ มาใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อถึงเวลากำหนดส่งเงินต้นพร้อมกำไรคือให้แก่ผู้เสียหาย ก็ได้มีการโพสต์เชิญชวนประชาชนอื่นที่สนใจให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการประมูลงานใหม่ เพื่อนำเงินทุนไปจ่ายเป็นเงินต้นและกำไรให้แก่ผู้ที่ลงทุนในโครงการก่อนหน้า แต่โครงการประมูลที่เปิดใหม่มีผู้สนใจร่วมลงทุนไม่มากพอ จึงไม่สามารถนำเงินคืนให้ผู้ร่วมลงทุนก่อนหน้าได้ เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง