สืบพยานล่วงหน้าคดียิงอดีต สส.กัมพูชา ภรรยาเบิกความเห็น “จ่าเอ็ม” ในที่เกิดเหตุ

สืบพยานล่วงหน้าคดียิงอดีต สส.กัมพูชา ภรรยาเบิกความเห็น “จ่าเอ็ม” ในที่เกิดเหตุ

View icon 88
วันที่ 10 ม.ค. 2568 | 18.21 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลอาญา สืบพยานล่วงหน้าคดียิง อดีต สส.กัมพูชา ภรรยาเบิกความยันสามีไม่เคยมีเหตุกระทบกระทั่งใคร เผยนาทีสังหารเห็น “จ่าเอ็ม” ในที่เกิดเหตุ ส่วนพี่เขยเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถเมล์ เศร้าวันถูกยิงไม่มีใครเข้ามาช่วย

วันนี้ (10 ม.ค.68) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 7 ได้ยื่นคำร้องขอสืบพยานบุคคลก่อนฟ้องในคดีที่นายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ผู้ต้องหายิง นายลิม คิม ยา (Lim Kim Ya) อดีต สส.กัมพูชา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา

โดยคำร้องระบุว่า  สน.ชนะสงครามได้มีหนังสือถึงผู้ร้อง เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ขอให้สืบพยานไว้ก่อนฟ้องคดี เนื่องจากพยานเป็นชาวต่างชาติและจะเดินทางกลับประเทศ โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เวลากลางวัน นายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ ได้พาอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดติดตัวไปบริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรเดช เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อันเป็นบริเวณในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร จากนั้นผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ โดยเจตนาฆ่า นาย ลิม คืน ยา  ผู้เสียหาย และโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ได้ตระเตรียมมายิงไปที่กลางลำตัวด้านหลังของผู้เสียหาย 3 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความความ ในบริเวณที่เกิดเหตุสมดังเจตนาฆ่าของจำเลย อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,  89(4), 371, 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ เหตุเกิดที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

พนักงานสอบสวนได้สอบสวนคดีนี้แล้ว แต่เนื่องจากพยานทั้ง 2 ปาก เชื้อชาติกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เเละประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 11 ม.ค.68 ซึ่งจะเป็นการยากแก่การนำพยานทั้งสองปากนี้มาเบิกความต่อศาลในภายหน้า จึงขออนุญาตนำพยานทั้งสองปากดังกล่าวเข้าสืบพยานก่อนฟ้อง ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ โดยผู้ร้องได้นำตัวพยานทั้งสองพร้อมล่ามสำหรับพยานทั้งสองมาศาลแล้ว พยานทั้งสองอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าพนักงานตำรวจ ขอศาลได้โปรดออกนั่งพิจารณาเพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า ขณะนี้ นายเอกลักษณ์ ผู้ต้องหาหรือจำเลยนี้ ถูกจับกุมได้ที่ประเทศกัมพูชา และอยู่ในขั้นตอนการนำส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย

ต่อมาที่ห้องพิจารณาคดี 811 ผู้พิพากษาออกบัลลังก์สืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องโจทก์ โดย 1 ในนั้นมีพยานปากภรรยาชาวฝรั่งเศสของนายลิม คิม ยา เบิกความต่อศาลว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเป็นวิศวะกรด้านการเงิน และเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรคการเมืองในซีกฝ่ายค้าน และยืนยันว่า นายลิม คิม ยา ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองหรือกระทบกระทั่งกับผู้ใดมาก่อน โดยวันเกิดเหตุ (7 ม.ค.) ตนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยพร้อมกับนายลิม คิม ยา และและพี่เขย ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ไปพักผ่อนที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นเวลา 4 วัน จากนั้นเดินทางไปประเทศกัมพูชาและเข้ามาประเทศไทยผ่านเส้นทางบริเวณชายแดนปอยเปต

ในวันเกิดเหตุ ตนและนายลิม คิม ยา เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุใกล้กับวัดบวรนิเวศ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีจราจรติดขัด ตน พี่เขย และนายลิม คิม ยา จะนำสัมภาระลงจากรถบัสและเดินข้ามถนนไปด้านหลัง เพื่อไปยังเกาะกลางถนน ปรากฏว่าหลังจากนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงประทัดดังขึ้นประมาณ 2 ครั้ง จึงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อยืด หันหน้ามาทางตน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น หลังจากนั้น ชายคนดังกล่าวได้ขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับหนีไป

ต่อมาทนายความได้นำรูปของนายเอกลักษณ์มาให้ภรรยาของนายลิม คิม ยาดู เพื่อให้เทียบว่าใช่คนเดียวกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ซึ่งภรรยาของนายลิม คิม ยา มั่นใจว่าใช่คนเดียวกัน ภรรยาของนายลิม คิม ยา ยังเบิกความอีกว่า หลังจากมีเสียงคล้ายประทัดดังขึ้น พี่เขยของตนตะโกนขึ้นมาว่านายลิม คิม ยา ถูกยิง ซึ่งขณะนั้นนายลิม คิม ยา ยังไม่เสียชีวิต แต่ว่าไม่มีสติแล้ว ตนพบว่าสามีของตนเองถูกยิงบริเวณด้านหลัง 2 นัด ตนพยายามช่วยชีวิตด้วยวิธีการ CPR แต่ปรากฏว่าสามีของตนอาการแย่ลงเรื่อย ๆ มีเลือดออกจำนวนมาก จึงขอความช่วยเหลือจากประชาชนรอบข้าง แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผ่านไปสักพักจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับแพทย์เข้ามาทำการช่วยเหลือ แต่เวลานั้นหลังจากที่ตนจับชีพจรของสามีปรากฏว่าสามีของตนชีพจรไม่เต้น จึงทำให้มั่นใจว่าสามีของตนได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยพี่เขยของตนเห็นคนชี้เป้าอยู่บนรถโดยสารประจำทาง

หลังจากนั้นภรรยาของนายลิม คิม ยา  ให้การอีกว่า เวลาที่สามีของตนถูกยิงคาดว่าเป็นเวลาประมาณ 17.30-17.45 น. และหลังจากนั้นตนได้ไปให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม โดยยืนยันว่าไม่มีการบังคับขู่เข็ญในชั้นสอบสวน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง