ผบ.ตร. ยืนยัน หากพบสารเสพติดต้องแจ้งข้อหาเพิ่ม

View icon 45
วันที่ 15 ม.ค. 2566 | 05.17 น.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเรื่องที่ตรวจสอบสารเสพติดในเลือดของผู้ต้องหาคดีอุบัติเหตุขับรถเบนท์ลีย์เฉี่ยวชนรถ 3 คัน บนทางด่วน และทางตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็ขอเลื่อนการชี้แจงเรื่องนี้ออกไป เพราะยังต้องสอบปากคำพยานให้เรียบร้อยก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้ว ก็ต้องมีการแจ้งข้อหานี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ชัดเจน เพราะ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคนให้คำตอบนี้กับสื่อมวลชน ที่ไปสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับคนขับรถเบนท์ลีย์ หลังมีกระแสข่าวว่า ผลการตรวจเลือดพบมีสารเสพติดในร่างกายถึง 2 ชนิด คือ เมทแอมเฟตามีน และ คีตามีน ไม่นับรวมถึงที่พบยานอนหลับ และยาแก้ปวด ในปัสสาวะ นอกเหนือไปจากปริมาณแอลกอฮอล์ด้วย

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ บอกว่า เมื่อผลการตรวจพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย พนักงานสอบสวน ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนเรื่องความบกพร่องของตำรวจ มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กำลังตรวจสอบอยู่

ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปทาง พันตำรวจโท พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจร 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร ที่ผู้รับผิดชอบคดีนี้ ก็บอกสั้น ๆ เพียงว่า "ตอนนี้กำลังไปสอบปากคำทีมแพทย์ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ขออย่าเพิ่งตามมาที่สถานีตำรวจ"

ขณะที่ พันตำรวจ ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร ระบุถึงเรื่องการเรียกตัว นายสุทัศน์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล หากพร้อมตอนไหนก็จะแจ้งทันที ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นวันไหนเมื่อไร ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายระหว่างคู่กรณีกับผู้เสียหาย ทราบว่ามีการชดใช้เยียวยากันไปหมดแล้ว ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจ ว่ามีการละเลยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการเร่งสอบสวนภายใน 15 วัน หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทางวินัยทั้งสิ้น พร้อมวอนสังคมอย่ากดดันการทำงาน ยืนยันว่าการทำงานที่ผ่านมานั้น ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย

อีกเรื่องที่เราเคยนำเสนอไปเกี่ยวกับการตั้งข้อสงสัยว่า "รถเบนท์ลีย์" ของผู้ต้องหาในคดีนี้ มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่ามีการสวมทะเบียนหรือไม่ แล้วผลการตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจ บก.ปอศ. พบว่า เป็นรถที่เคยยึดไว้เป็นของกลางในคดีรถจดประกอบจริง แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้ผลการตรวจสอบอย่างละเอียดออกมาแล้ว พบว่าจริง ๆ แล้ว มีเหตุให้เชื่อได้ว่ารถคันนี้ ต้องสงสัยว่าเคยกระทำผิดจริง

โดยรายงานข่าวข้อมูลทางการสืบสวนเมื่อปี 2554 พบว่า เดิมทีรถคันนี้ตำรวจไปพบอยู่บนรถสไลด์ ขณะเดินทางไปในจังหวัดสงขลา ตอนนั้นเจ้าของรถได้แสดงใบ Invoice ให้ตำรวจดู แต่ก็พบพิรุธคล้ายมีการทำขึ้นมาเอง เพราะไม่มีตราประทับของบริษัทใด ๆ อีกทั้งยังมีการระบุราคา 42,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.3 ล้านบาท ซึ่งผิดสกุลเงินจากราคาขายที่ควรจะมาจากต้นทางประเทศอังกฤษ

ตำรวจจึงได้สืบสวนต่อด้วยการส่งอีเมล์ไปสอบถาม บริษัท Bentley Essex ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งก็ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าว ไม่ได้มาจากบริษัท แต่มีการซื้อขายรถคันนี้จริง จึงเชื่อว่ามีการปลอมแปลงเอกสารนี้ขึ้นมา จึงติดตามไปอายัดรถคันนี้ขณะจัดแสดงที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง ย่านถนนเทียมร่วมมิตร พร้อมกับรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีฐาน "สำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงพิธีการทางศุลกากรฯ" โดยพบว่าแท้จริงแล้ว รถคันนี้มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 91,000 ปอนด์ หรือประมาณ 4.5 ล้านบาท แต่สำแดงราคาแค่ 1.3 ล้านบาท ทำให้ขาดภาษีไปถึง 11 ล้านบาท

แต่ต่อมาเมื่อมีการสรุปสำนวนให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง อัยการทักท้วงว่า หลักฐานที่ได้มา เป็นการรวบรวมอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถรวบรวมหลักฐานแบบเป็นทางการได้ทันกำหนดส่งฟ้อง จึงไม่สามารถดำเนินคดีได้ แต่ขณะเดียวกันรถคันนี้ก็ไม่สามารถขายต่อให้กับคนอื่นได้เช่นกัน