ข่าวเด็ด 7 สี - วันนี้เรารวบรวมข้อมูลอื้อฉาว ปมอดีตรองนายกฯ ย.ยักษ์ ที่เริ่มจากการเปิดข้อมูลว่า มีการทำผิดศีลธรรม เป็นชู้กับภรรยาคนอื่น แถมยังไปข่มขู่สามีเขา ที่อยู่ระหว่างฟ้องหย่ากันด้วย
แต่คดีทำท่าจะพลิก หลังมีการเปิดอีกมุม ฝ่ายชาย ฟ้องฉ้อโกงแบบยกครัวไว้ที่ สน.บางยี่ขัน โดนหมด ทั้งฝ่ายหญิง พ่อ-แม่ และสามี แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะฝ่ายสามีสู้กลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน อย่างไร ติดตามกันครับ
เรามาไล่ไทม์ไลน์กันก่อนครับจะได้ไม่งง คดีนี้กลายเป็นประเด็นทอล์ค ออฟเดอะทาวน์ หลังจาก คุณษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ออกมาเปิดข้อมูลว่า มีอดีตรองนายกรัฐมนตรี คนหนึ่งไปเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้าน สร้างความทุกข์ใจใหญ่หลวง ให้กับผู้ที่เป็นสามี เพราะไปเห็นภาพบาดตา บาดใจ ภรรยาตัวเองมีสัมพันธุ์ลึกซึ้งกับชายอื่น ปรากฏอยู่ในโทรศัพท์มือถือ จึงนำเรื่องไปปรึกษาทนายตั้ม ให้ช่วยตั้งเรื่องฟ้องหย่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่สาเหตุที่ทำให้เรื่องไม่จบเงียบ ๆ ในชั้นศาล ก็เพราะสามีอ้างว่าถูกข่มขู่ จึงต้องสาวไส้ออกมาให้สังคมได้รับทราบ ถ้าเขาเป็นอะไรไป จะได้จับจ้องได้ถูกว่าใครน่าจะเป็นคนก่อเหตุ
ช่วงแรกที่ข้อมูลเปิดออกมา ทัวร์ก็เฮละโล สาปส่งไปที่ อดีตรองนายกฯ ย.ยักษ์ นักสืบโซเชียล ก็ช่วยกันควานหาตัวเต็มที่ สุดท้ายคำใบ้ที่ชัดเสียยิ่งกว่าชัด ของทนายตั้ม ก็ทำสังคมพุ่งเป้าไปที่อดีตรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ในรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์
หลังมีการเพิ่มคำใบ้ นักข่าวก็ระดมโทรศัพท์ หาคุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกมองว่า เข้าเค้าตามคำใบ้ เรียกว่าสายแทบไหม้ เจ้าตัวยืนยัน ไม่ใช่บุคคลในข่าวฉาวนี้ พร้อมเสนอให้พรรคเพื่อไทย ขับทนายตั้มออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนทนายตั้ม ก็สวนทันควันเลยว่า อ้าว คุณยงยุทธ ผมยังไม่ได้พูดชื่อคุณเลย ร้อนตัวอะไรหรือเปล่า
จากนั้นก็เริ่มปรากฏข้อมูลอีกด้าน ทั้งจากการแสดงความเห็นในโลกโซเชียล แนะให้มองอีกมุมหนึ่งว่า อาจเป็นเรื่องขบวนการล่อลวง หลอกให้รัก ล้วงเอาทรัพย์สิน แล้วตีจาก โดยคนในครอบครัวฝ่ายหญิงรู้เห็นเป็นใจ
ไม่ใช่แค่นี้ ยังปรากฏข้อมูลด้วยว่า หลังอดีตรองนายกฯ ย.ยักษ์ รู้ตัวว่าถูกหลอกแน่ เพราะเชิดเงินไป แล้วไม่ใยดี ก็ส่งทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีฝ่ายหญิง พ่อ แม่ และสามี ฐานฉ้อโกง ลำดับเหตุการณ์ก็ตามไทม์ไลน์บนจอเลย 22 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่งทนายความไปแจ้งความดำเนินคดี 15 ธันวาคม ปีเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ออกหมายเรียกทั้ง 4 คน 5 มกราคม ปีนี้ ออกหมายจับพ่อฝ่ายหญิง 10 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการ พร้อมตัวผู้ต้องหา 3 คน ก็คือ ฝ่ายหญิง แม่ และสามี ตอนนี้ก็ต้องรอดูว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่
พอคดีส่อพลิก จากเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้าน มาเป็น กลายเป็นเหยื่อของขบวนการตบทรัพย์ ก็ทำให้เริ่มมีคำถามไปถึง ทนายตั้มและสามี ที่ออกมาเปิดปมฉาว ว่า มีอะไรซ่อนอยู่ในกอไผ่หรือเปล่า จนทนายตั้ม ต้องออกมายืนยัน มั่นใจในตัวลูกความ พร้อมสู้กลับด้วยการให้ลูกความไปแจ้งความคู่กรณี ฐานแจ้งความเท็จ
ซัดกันนัว ปล่อยข่าวว่อน ปม ย. ยักษ์ ชู้ หรือ เหยื่อ
มีประเด็นที่น่าคิดอย่างนี้ครับคุณผู้ชม ถ้าบอกว่า อดีตรองนายกฯ ย.ยักษ์ เป็นเหยื่อขบวนการตบทรัพย์ นั่นหมายถึงว่า เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่ปักใจด้วย มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ซึ่งก็ไปขัดแย้งกับหลักฐานที่ทนายตั้ม นำออกมาเปิดเผยเป็นข้อความแช็ตไลน์ พร้อมภาพหวิวของฝ่ายหญิง มีข้อความหนึ่งครับต้องขีดเส้นใต้เลย ระบุว่า พรุ่งนี้เมียขอเลื่อนไปก่อนนะจ๊ะ พี่ ก.ไก่ เขาป่วยไม่สบาย เมียต้องอยู่ดูแลเขาก่อนนะจ๊ะ ซึ่งอักษรย่อ ก.ไก่นั้น ดันไปเหมือนกับชื่อเล่นของสามีช้ำรักที่ไปให้ทนายตั้มช่วยฟ้องหย่า ก็เลยกลายเป็นหลักฐานเด็ด ที่ทนายตั้มใช้มัดอดีตรองนายกฯย.ยักษ์ว่า รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงที่ตัวเองไปมีสัมพันธ์สวาทด้วยมีสามีอยู่แล้ว คำกล่าวอ้างว่าตกหลุมพราง ขบวนการตบทรัพย์ จึงถูกทำลายน้ำหนักไปพอสมควร
แต่ยังมีอีกประเด็นที่น่าคิดคือ หากเราดูไทม์ไลน์การดำเนินคดีที่ซ้อนกันอยู่ จะเห็นว่าคดีที่อดีตรองนายกฯ ย.ยักษ์ ไปแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงแบบยกครัวไว้นั้น เกิดก่อน
เพราะเริ่มแจ้งความในวันที่ 22 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่วนฝ่ายสามี ไปพบทนายตั้มและเริ่มฟ้องหย่าในเดือนธันวาคม เท่ากับฟ้องหย่าหลังจากที่อดีตรองนายกฯย.ยักษ์ ไปแจ้งความเรื่องฉ้อโกง แต่ประเด็นนี้ในมุมของทนายความ ก็เห็นว่า อาจไม่ได้ส่งผลให้เกิดการได้เปรียบ หรือ เสียเปรียบในทางคดี
เรามาสรุปประเด็นที่มีการฟ้องฉ้อโกงกันหน่อย ทรัพย์สินไม่ใช่น้อย ๆ มีมากถึง 7 รายการ มูลค่ากว่า 19 ล้านบาท มีอะไรบ้าง ก็ตามที่ปรากฏบนจอเลย ซึ่งตามสำนวนที่ตำรวจสรุปส่งอัยการ ระบุว่า เป็นเงินสินสอด ที่ฝ่ายชายมอบให้ แต่ได้เงินไปแล้ว เกิดการชิ่งหนี ฝ่ายหญิงตีจาก อดีตรองนายกฯ จึงส่งทนายความไปแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกง ตามไทม์ไลน์ที่เราเล่าให้ฟังในตอนต้น แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้ เพราะยังมีความอีกด้านหนึ่ง คือ ฝ่ายสามีแจ้งความกลับ กับอดีตรองนายกฯ ฐานแจ้งความเท็จไปแล้ว
เรื่องราวซับซ้อนนี้ จะจบอย่างไร คนปูเสื่อรอดู ยังต้องฟังความให้รอบด้าน มีแต่พยานหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น ที่จะเป็นตัวตัดสิน