รัฐขยายเวลาลดหย่อนภาษี 2 เท่า อีก 2 ปี เมื่อบริจาค 13 มูลนิธิด้านสาธารณสุข

รัฐขยายเวลาลดหย่อนภาษี 2 เท่า อีก 2 ปี เมื่อบริจาค 13 มูลนิธิด้านสาธารณสุข

View icon 88
วันที่ 25 ม.ค. 2566 | 09.41 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (25 ม.ค.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 มกราคม 2566 ว่า ครม.อนุมัติร่างกฎหมายขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลา ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่หน่วยรับบริจาคด้านสาธารณสุข รวม 13 แห่ง (จากเดิม 10 แห่ง) เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โดยบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ดังนี้

1.หน่วยรับบริจาคทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วย หน่วยรับบริจาคเดิม 10 แห่ง ได้แก่

                1.สภากาชาดไทย
                2.มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ฯ
                3.ศิริราชมูลนิธิ
               4.มูลนิธิจุฬาภรณ์
               5.มูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ
               6.มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนฯ
               7.มูลนิธิโรคมะเร็งโรงพยาบาลศิริราช
               8.มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี
               9.มูลนิธิสมเด็จพระปิ่นเกล้า
             10.มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ
             11.มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
             12.มูลนิธิสนับสนุนสถาบันประสาทวิทยา
             13.มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

2.การยกเวินภาษีเงินได้ แบ่งเป็น

             1.บุคคลธรรมดา ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค
             2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 2 เท่า ของรายจ่ายที่บริจาคไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน

3.บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาคทั้ง 13 แห่ง

โดยมาตรการทางภาษีนี้ จะทำให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีลดลงประมาณปีละ 370 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการเปิดโอกาสให้ประประชาชนและภาคเอกชน มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริการด้านสาธารณสุขของประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง