คนไทยในตุรกี น้ำตาซึม สุดซาบซึ้ง หลังกองทัพอากาศ เดินทางไปรับกลับมาตุภูมิ ขอบคุณทุกความช่วยเหลือในแผ่นดินไทย ที่วันนี้ได้ย้อนกลับมาช่วยชีวิต ได้กลับไปพบเจอญาติพี่น้องที่ห่วงใย
หลังกองทัพอากาศ จัดเที่ยวบินพิเศษ เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 19 (Airbus 340-500) ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมืองวานนี้ ( 15 กุมภาพันธ์ 2566) เวลา 23.20 น. ไปยังสนามบินอังการา สาธารณรัฐตุรกี เป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง 15 นาที โดยปฏิบัติภารกิจบินนำส่งสิ่งของพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปยังสาธารณรัฐตุรกี เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนชาวตุรกีที่ประสบเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว ได้แก่ เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กซึ่งมีความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน ถุงนอนกันหนาวที่กันความเย็นได้ถึงอุณหภูมิติดลบ 24 องศาเซลเซียส เต็นท์นอนขนาดใหญ่ สำหรับ 5 - 6 คน ผ้านวมกันหนาว อาหารแห้ง นม และน้ำดื่ม
โดยในเที่ยวบินขากลับ (16 ก.พ.66 ) ได้รับคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 36 คน ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานในตุรกี นักศึกษา และผู้ที่สมรสกับชาวตุรกี และบุตร รวมถึงได้ลำเลียงร่างผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ร่าง กลับมาตุภูมิ โดยออกเดินทางจากสนามบินอังการา สาธารณรัฐตุรกี วันนี้ เวลา 09.00 น. (เวลาท้องถิ่น) และจะเดินทางถึง ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลา 21.10 น. (เวลาประเทศไทย)
หญิงสาวชาวไทยคนหนึ่งในตุรกี ที่เดินทางกลับมาในเที่ยวบินกองทัพอากาศนี้ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว 7 HD ด้วยเสียงสั่นเครือน้ำตาซึม ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เป็นหายนะ ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของวัตถุ แต่หมายถึงชีวิตเรา เพราะอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่สามารถเดินกลับไปบ้านเราได้ หรือไม่เหลืออะไรเลย ไม่เหลือคำว่าชีวิตอีกแล้ว ไม่รู้กระทั่งว่า 1 วินาที หรือ 1 วันถัดไปจะเกิดอะไรขึ้น ต้องครองสติ อยู่ให้ได้ รอความช่วยเหลือเบื้องต้นจากทางการตุรกี
ส่วนของสถานทูตไทยในกรุงอังการา ได้ให้ความช่วยเหลือดีมาก ติดตามตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ เป็นเหมือนกำลังใจ ว่าเราจะไม่โดดเดี่ยว พอถึงวันที่ทางสถานทูตไทย ทางการไทย ยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือ เป็นเสมือนความหวัง เป็นความสุขมากๆของคนไทยที่นี่ แค่เห็นเครื่องบินกองทัพอากาศของประเทศไทยมาถึง นั่นคือที่สุด นั่นคือความเป็นไทย สิ่งที่เราได้จากแผ่นดินไทย มันยิ่งใหญ่มาก มันไม่มีอะไรบรรยาย มันเหมือนให้ชีวิต เราอยู่ที่นี่ 7 วัน เราไม่มีรู้อนาคตจริงๆ หนักมาก ส่วนตัวอยู่นอกเมือง ยังไม่ได้อยู่ในอาคาร แต่พอเราเห็นเพื่่อนฝูง เพื่อนบ้าน ลูกที่ยังเรียนอยู่ และผู้ที่เสียชีวิตใต้ตึก ก็อยากให้ทุกคนทุกครอบครัวที่ประสบเหตุ ก้าวผ่านไปให้ได้
"มันเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ บรรเทาความเจ็บ เราได้นอนหลับ เราจะได้ไปเจอคนที่แผ่นดินไทย ญาติพี่น้องที่รออยู่ด้วยความหวัง และอยากยกมือไหว้ในหลวง ยกมือไหว้ความเป็นไทย เราเคยทำงาน เราเคยจ่ายภาษี วันนี้รู้แล้วว่ามันย้อนกลับคืนมาช่วยชีวิตเรา และอย่างแรกเมื่อไปถึงเมืองไทย อยากไปไหว้ที่วัดพระแก้ว เอาพรดีๆ กลับมาสู่ตัวเราก่อนเลย "
หลังจากที่คนไทย ถึงเมืองไทยแล้ว ทางกระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการตรวจคัดกรองสุขภาพคนไทยทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง มีการเปิดสถานที่พัก ที่สถาบันบำราศนราดูร 1 คืน สำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถเดินทางกลับได้ในเย็นวันนี้ ก่อนเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่วนร่างของผู้เสียชีวิต ทางสภากาชาดไทย จะดำเนินการส่งไปยังบ้านเกิด ที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อให้ญาติพี่น้องทำพิธีบำเพ็ญกุศลต่อไป