วันนี้ (10 เม.ย.66) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หัวหน้าพรรคเปลี่ยน กล่าวถึงการเกณฑ์ทหารที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ กรณีการเรียกผู้ป่วยติดเตียงเข้ารายงานตัว ว่าพรรคเปลี่ยนไม่เห็นด้วยการเกณฑ์ทหาร และอยากขอให้มีการยกเลิก แล้วใช้การรับสมัครด้วยความสมัครใจแทน โดนต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าวันที่ 1 เมษายน จะเป็นวันรับสมัครและกำหนดจำนวนทหารที่ต้องการในแต่ละปี เพื่อทำให้ทหารเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ มีเงินเดือนเพียงพอสามารถเลี้ยงชีพได้ จนต้องมีการแย่งกันสอบเข้าเป็นทหาร และเป็นอาชีพในฝันของเด็กๆ นายพันธ์ธวัช ยอมรับว่าทหารมีความจำเป็นในการปกป้องชายแดนและอธิปไตย แต่ไม่เห็นความจำเป็นต้องมีทหารเกณฑ์ เพราะส่วนใหญ่ไปรับใช้นาย เมื่อฝึกจบก็ปลดประจำการ
ส่วนการเรียกผู้ป่วยติดเตียงไปรายงานตัวเกณฑ์ทหารนั้น นายพันธ์ธวัช เห็นว่า ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยี เช่น ใช้ video call ติดตามได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำผู้ป่วยไปถึงสถานที่เกณฑ์ทหาร อีกทั้ง ยังมองว่าการเกณฑ์ทหาร อาจเป็นช่องทางธุรกิจ มีรายได้จากใบดำใบแดง เริ่มที่อัตรากลางๆ ประมาณ 40,000 บาท เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การหักหัวคิวหรือเมื่อฝึกเสร็จไม่ต้องกลับเข้ากรม หักค่าหัวคิวเงินเดือนครึ่งหนึ่ง ต้องไปทำงานรับใช้บ้านนาย ทำให้ไม่สามารถยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้
ทั้งนี้ นายพันธ์ธวัชยังไม่ขอวิจารณ์นโยบายประชานิยม เช่น การแจกหรือ เพิ่มเงินโครงการต่างๆ ของพรรคการเมืองอื่น เพราะต้องศึกษาก่อนว่าหาเงินมาจากไหน และเป็นเรื่องที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งหากทำได้ พรรคก็ยินดีด้วย เพราะทุกนโยบายของทุกพรรคการเมือง ต่างก็ร่วมกันทำเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด โดยเฉพาะนโยบายของพรรคเปลี่ยนที่ทำได้จริง ทุกอย่างมีเหตุผลสถิติทางตรรกะทั้งหมด และคาดว่าจะหาเงินได้ 55,000 ล้านบาท สำหรับดำเนินนโยบายพรรค 6-7 นโยบาย ซึ่งวิธีการหาเงิน ทางพรรคได้บอกชัดเจนแล้ว ว่าจะนำเงินจากความต้องการลอตเตอรี่ 200 ล้านใบ ที่ยังขาดอยู่ 100 ล้านใบ และพรรคจะทำให้ได้ภายใน 1 ปี
และนำนำเม็ดเงินนี้มาทำนโยบายธนาคารโอกาส กองทุนโอกาส เพื่อช่วยเหลือกลุ่มหาเช้ากินค่ำ ที่เป็นสารตั้งต้น ต่อยอดสู่นโยบายอื่นๆ
หัวหน้าพรรคเปลี่ยน กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้มีการพูดคุยกับผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายกสมาคมผู้พิการภาคตะวันออก ที่สะท้อนความต้องการของผู้พิการอยากจะเรียนอาชีวะ ทางพรรคจึงมีนโยบายจัดการศึกษาให้กับผู้พิการฟรี จนสำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. โดยจะมีค่าใช้งบประมาณปีละ 350 ล้านบาท ฝึกวิชาชีพจะทำให้มีอาชีพและมีคุณค่าในชีวิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังพบปัญหาบุคลากรครูอุปกรณ์การศึกษาไม่เพียงพอ เงินเดือนน้อย หากทำได้ ตนเองอยากพัฒนาคุณภาพชีวิตอาชีพครูและโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการติดตั้งโซลาเซลล์ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทนสูงขึ้น ทุกโรงเรียนต้องเท่าเทียมไม่แบ่งเกรด และจะผลักดันระบบการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากได้เป็น สส. รวมถึง ยังมีนโยบายธุรกิจคนกลางคืนพนักงานร้าน นักดนตรี วินมอเตอร์ไซค์หรือรถรับจ้าง ต้องจัดพื้นที่หรือโซนนิ่งสำหรับสถานบันเทิง ระยะเวลาการ เปิด-ปิดบริการ รวมถึงบทลงโทษ ที่ต้องมีกฎหมายบังคับ ลดปัญหาการเรียกเก็บส่วย ปัญหาเมาแล้วขับ และส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขยายตัวไปได้