ครม. ทุ่ม 5 พันล้าน เยียวยาน้ำท่วมใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาท
วันนี้ (3 ธ.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมวันนี้มีการหารือถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ครม. ได้รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้มีการเพิ่มกรอบเงินทดรองของแต่จังหวัดจากเดิม 20 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท ในจังหวัดที่ผู้ว่าฯ ประกาศเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติจำนวน 6 จังหวัดได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส
นอกจากนี้ ครม. ยังได้เห็นชอบอนุมัติใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติมในกรอบงบประมาณตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินที่มีการให้ปรับในกรณีที่ที่อยู่อาศัยอยู่พื้นที่น้ำท่วมดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน อีกทั้งทรัพย์สินที่ได้รับความเสีย หรือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน ให้ความช่วยเหลืออัตราเดียวทุกครัวเรือน ครัวเรือนละ 9,000 บาท จากเดิม 57 จังหวัดเพิ่มเติมอีก 16 จังหวัด รวมถึงจังหวัดในภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้ด้วยเป็นจำนวนเงิน 5,000 ล้านบาทจนถึงสิ้นปี 2567 โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมยังได้คุยกันถึงปัญหาหมอกควัน PM2.5 พร้อมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยว เร่งกำหนดมาตรการการป้องกันมลพิษทางอากาศ ทั้งในส่วนปัญหาจากการเผาทางการเกษตร และไอเสียจากรถยนต์ รวมถึงฝุ่นควันจากภาคอุตสาหกรรม เช่น มาตรการไม่รับซื้อผลผลิตทางอุตสาหกรรม อ้อย ข้าวโพด ในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่ใช้การเผา พร้อมยกตัวอย่างจังหวัดเชียงใหม่ที่มีจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ลดลงในปี 2566 ลดลงร้อยละ 50% ดังนั้นแนวโน้มปี 2568 จะมีแนวโน้มไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับปี 2566 ประกอบกับมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมกับประเทศเพื่อนบ้าน และการดักฝุ่นควัน เป็นต้น
ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการป้องกันการเกิดปัญหา PM2.5 โดยจำนวนที่ตรวจพบค่าฝุ่นตามมาตรฐานเมื่อเทียบกับปี 2566 ก็พบว่าลดลง 20% จึงคาดการณ์ได้ว่าปีนี้ปัญหาดังกล่าวจะจัดการได้ดียิ่งขึ้น
ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการขยายเวลาการจับเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้านำเข้า ราคาไม่เกิน 1,500 บาท เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 จนถึง 11 ธันวาคม 2568 เพื่อป้องกันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศแบบผิดกฎหมายจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงเป็นการส่งเสริม SME ของไทยด้วย