13 เมษายน นอกจากเป็นวันสงกรานต์แล้ว ยังเป็น วันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย นอกจากการดูแลเอาใจใส่ของ ลูกหลานแล้ว กฎหมายยังคุ้มครองดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนผู้สูงอายุมากถึง 12 เรื่อง
วันผู้สูงอายุแห่งชาติ ตรงกับ วันที่ 13 เมษายนของทุกปี นอกจากลูกหลาน ญาติมิตรจะเข้ารดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุแล้ว ในส่วนการดูแล เอาใจใส่ผู้สูงอายุ ได้มีกฎหมายภายใต้ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 มาตรา 11 กำหนดให้สิทธิ์ในการคุ้มครอง ดูแล สนับสนุน ช่วยเหลือผู้สูงอายุมากถึง 12 ด้าน ด้วยกัน
ผู้สูงอายุได้รับการดูแลเรื่องใดบ้าง?
1. การบริการทางการแพทย์ และการสาธารณสุข จัดให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ
2. การศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และส่งเสริมการเรียนรู้
3. การประกอบอาชีพ และการฝึกอาชีพ ที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้
4. การพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วม ในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่ายหรือชุมชน
5. การอำนวยความสะดวกและปลอดภัย โดยตรงแก่ผู้สูงอายุ ในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ หรือบริการสาธารณะอื่น
6. การช่วยเหลือด้านค่าโดยสารยานพาหนะ
7. การยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ
8. การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรม หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง ช่วยเหลือถูกทอดทิ้ง ทารุณกรรม
9. การให้คำแนะนำ ปรึกษา ดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดี หรือในทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว แก้ปัญหาครอบครัว
10. การจัดที่พักอาศัย อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม ให้ตามความจำเป็นอย่างทั่วถึง
11. จ่ายเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม จัดเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุทุกคนตามเกณฑ์ช่วงอายุ
อายุ 60 – 69 ปี เดือนละ 600 บาท
อายุ 70 – 79 ปี เดือนละ 700 บาท
อายุ 80 – 89 ปี เดือนละ 800 บาท
อายุ 90 ปี ขึ้นไป เดือนละ 1,000 บาท
กรณีผู้รับบำนาญราชการจะไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ บำเหน็จรัฐวิสาหกิจ และผู้รับบำนาญประกันสังคมจะได้เบี้ยยังชีพด้วย
12. การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี สัญชาติไทย รายละ 2,000 บาท (มีใบรับรองว่าเป็นผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจน โดยมีใบรับรองจากผู้นำชุมชน ตามข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) หรือต้องมีผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันให้การรับรอง ว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย)