ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ : ลุยตลาดแดนมังกร กู้วิกฤตส่งออก

View icon 66
วันที่ 18 ก.ค. 2566 | 22.27 น.
ประเด็นเด็ด 7 สี
แชร์
ประเด็นเด็ด 7 สี - หลายประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แม้กระทั่งจีนเอง ซึ่งหลายประเทศมองว่า ปีนี้เศรษฐกิจจีน คงเติบโตลดลงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกไปตลาดจีน ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ติดตามในประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ

จีนประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไทยเองก็กำลังเร่งปรับตัว โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าไปยังตลาดจีน หวังครองส่วนแบ่ง และช่วงชิงตลาด หลังสถานการณ์ การส่งออกของไทยเราก็ไม่สู้ดีนัก

ธนาคารโนมูระ ญี่ปุ่น ประเมินเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลดลงจาก 5.5% เหลือ 5.1% ขณะที่ S&P เป็น Global Rating Agency ได้ปรับลดตัวเลขประมาณการ GDP จีน ลงจาก 5.5% เหลือ 5.2% รวมทั้งหลายหน่วยงานต่างก็ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจจีนลดลงไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจีน ก็ได้เดินหน้าสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และพยายามลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

ด้วยการให้ความสำคัญ 4 ประเด็นสำคัญ

1. การปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การมีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์

2. คือการใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ ด้วยการลดข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นการบริโภคของผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง

3. การสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจอย่างเหมาะสม กับสภาพความเป็นจริงของประเทศ 

4. การป้องกันและแก้ไขปัจจัยเสี่ยง เช่น ลดผลกระทบจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจกับสหรัฐ โดยหันมาพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยี รวมถึง R&D ให้มากขึ้น และประกาศให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการฟื้นฟูการบริโภค

คราวนี้มาดูกันว่า เมื่อจีนปรับตัว ไทยเราเองซึ่งพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปตลาดจีน ต้องปรับตัวอะไรกันบ้าง ไปดูที่โอกาสส่งออกสินค้าไทยไปตลาดจีน โดยปีที่แล้วมีมูลค่า 3.69 ล้านล้านบาท โดยไทยส่งออกไปจีน 1.2 ล้านล้านบาท และในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 การค้าระหว่างไทยและจีน มีมูลค่ากว่า 1,620 ล้านบาท ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ เดินแผนเชิงรุก เตรียมยกทัพเอกชนไทย 80 บริษัท บุกตลาดจีน ในงาน China - ASEAN Expo ซึ่งจะจัดวันที่ 16-19 กันยายนนี้ นำสินค้าคุณภาพบุกเจาะตลาดจีน และมีข่าวดีอีกเรื่องคือ ขณะนี้จีนเตรียมปรับระบบบริหารจัดการที่ด่านสำคัญ 3 ด่าน ในมณฑลกว่างซี และพื้นที่ที่ติดกับตอนเหนือของเวียดนาม คือ ด่านโหย่วอี้กวน ตงซิงและด่านรถไฟผิงเสียง ให้เป็น Smart Customs ใช้ระบบบริหารจัดการผ่านด่านศุลกากรอัจฉริยะ อาจเริ่มได้ช่วงต้นปีหน้า จะมีส่วนสำคัญช่วยให้การส่งสินค้าของไทยไปเวียดนามไปมณฑลกว่างซีสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผลไม้สด จะย่นระยะเวลา 2 เท่า สามารถทำให้ทั้ง 3 ด่าน เปิดบริการได้ 24 ชั่วโมง เป็นข่าวดีสำหรับการส่งออกผลไม้ของไทยไปตอนใต้ของจีน ในอนาคต

สำหรับสินค้าไทยที่ส่งออกไปจีนหดตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและผลไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และเม็ดพลาสติก เป็นต้น สินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และเคมีภัณฑ์ ส่วนประเทศที่่จีนนำเข้าสินค้ามากที่สูงสุด ได้แก่ ไต้หวัน ออสเตรเลีย สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย เยอรมนี บราซิล มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

ภาครัฐและผู้ประกอบการไทย อาจจะต้องประเมินความเสี่ยง เตรียมการหรือรองรับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและตลาดของจีนที่สำคัญ โดยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง