อดีตกรรมการตัดสินฟุตบอลระดับไทยลีก อายุ 57 ปี ก่อเหตุ ฆ่าปาดคอหญิงเจ้าของเกสต์เฮาส์ ก่อนใช้มีดกระหน่ำแทงตัวเองตาม พบว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยลงบันทึกประจำวันถูกคนร้ายโทรข่มขู่
อดีตกรรมการตัดสินฟุตบอลระดับไทยลีก ก่อเหตุฆ่าปาดคอเจ้าของเกสต์เฮาส์ วานนี้ (22 ก.ค.2566) ร.ต.อ.ชลวิทย์ อธิพันธ์สี รอง.สอบสวน.หน่วยสอบสวนย่อยโค้งดงตาล สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธมีดแทงกันตาย โดยผู้ก่อเหตุยังอยู่ในที่เกิดเหตุยังไม่ได้หลบหนีไหน เหตุเกิดบริเวณเกสต์เฮาส์ แห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 12 ถนนเลียบชายหาดจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วเดินทางเข้าตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ และ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา
ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายกาแฟและอาหาร ส่วนชั้น 2-3 เปิดเป็นห้องพัก พื้นชั้นล่าง มีคราบเลือดนองพื้น ตรวจสอบ พบชายไทยทราบชื่อ นายสุนทร อายุ 57 ปี เป็นเทรนเนอร์ออกกำลังกาย และ อดีตกรรมการตัดสินฟุตบอลระดับไทยลีก อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เลือดไหลนองร่าง ที่ลำคอมีแผลเหวอะหวะ ในมือถือมีดสปาต้ายาวประมาณ 40 ซม. โดยใช้สายรัดด้ามมีดมัดติดกับข้อมือไว้แน่น พร้อมปัดแกว่งมีดไปมา เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเข้าชาร์จ ก่อนที่เจ้าตัวจะหมดสติล้มฟุบไปนอนกองกับพื้น นอนหายใจโรยริน ทีมกู้ภัยต้องรีบปฐมพยาบาลแล้วนำตัว ส่งโรงพยาบาลเมืองพัทยา
นอกจากนี้ยังพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นหญิงไทย 1 คน นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ทราบชื่อคือนางเสาวจี อายุ 51 ปี เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่เกิดเหตุ มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดที่เข้าที่ลำคอ และ ร่องรอยถูกมีดฟันเข้าที่ศีรษะหลายแผล ด้าน สามีผู้ตาย เบื้องต้นยังอยู่ในอาการช็อก ไม่พูดจา ส่วนปมสาเหตุ ไม่ทราบว่ามาจากเรื่องอะไร
สอบถามนายกบ นามสมมุติ อายุ 37 ปี คนขับรถจักรยานยต์รับจ้าง พลเมืองดีที่เข้ามาช่วยคนแรก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ยินเสียงคนกรี๊ดดังลั่น จึงวิ่งมากดู พบว่าคนร้ายกำลังใช้มีดฟันคนตายอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นได้ใช้มีดทำร้ายตัวเองไม่ยั้ง จึงรีบตะโกนเรียกให้คนช่วย พยายามจะเข้าไปห้ามแต่คนร้ายก็ใช้มีดปัดแกว่งไม่ให้เข้าใกล้ และยังพยายามจะคลานไปฟันคนตายซ้ำ
จนกู้ภัยทางทะเล ต้องไปดึงขาคนร้ายแล้วลากไปหน้าร้าน เพื่อทำการควบคุมตัว
พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก. เปิดเผยว่า เมื่อเดือน มีนาคม ผู้ตาย ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ว่าถูกผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาข่มขู่ จนเกรงว่าจะได้อันตราย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงทำให้เชื่อว่า ทั้งคู่อาจเคยมีปัญหาอะไรกันก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะได้เร่งสอบปากคำพยาน ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป