จับแก๊งเงินกู้ โชคมีทรัพย์ อุบลราชธานี เก็บดอกลอย 300 บาทต่อวัน เหยื่อกู้เงิน 6,000 บาท เจอเก็บดอกต่อเนื่อง 24 วัน
โชคมีทรัพย์เงินกู้ดอกเบี้ยโหด (26 ก.ค.2566) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมตำรวจ กก.3 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายเอกรัฐ หรือเอกฯ อายุ 33 ปี, นายประยูร หรือโอคฯ อายุ 19 ปี และนายกฤษดา หรือเอ็มฯ อายุ 40 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง, นามบัตรชักชวนเงินกู้“โชคมีทรัพย์” จำนวน 94 ใบ, บัญชีรายชื่อลูกค้าและรายการเรียกเก็บดอกเบี้ยแบบรายวัน จำนวน 4 แผ่น, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น วีออส สีดำ จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ 1 ดอก, สำเนาธนบัตร ฉบับละ 500 บาท จำนวน 1 ฉบับ, ฉบับละ 100 บาท จำนวน 2 ฉบับ และฉบับละ 50 บาท จำนวน 1 ฉบับ โดยจับกุมได้ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านนาคาย ต.นาคาย อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี(ไม่ประสงค์ออกนาม) ว่าในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านนาคาย ต.นาคาย อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี มักมีกลุ่มคนเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 33 ปี ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ มีพฤติกรรมลักลอบปล่อยเงินกู้และเรียกเก็บดอกเบี้ยในลักษณะรายวันและเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ และมักจะออกมาเรียกเก็บเงินกู้จากลูกค้าที่บริเวณดังกล่าว ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 - 14.00 น. อยู่เป็นประจำของทุกวัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางออกไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบ น.ส.นารีฯ อายุ 58 ปีพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้เข้าสอบถามตามรายละเอียดตามที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีไว้ก่อนหน้านี้ จากการสอบถาม น.ส.นารีฯ ทราบว่าได้กู้ยืมเงินนอกระบบซึ่งคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กดหมายกำหนด และจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในลักษณะรายวันจากกลุ่มบุคคลเป็นชายฉกรรจ์จริง โดยได้กู้ยืมเงินนอกระบบมาจำนวน 6,000 บาทจากกลุ่มชายฉกรรจ์ และได้ทำสัญญากู้ยืม พร้อมกับผ่อนชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวน 300 บาทต่อวัน โดยให้ชำระต่อเนื่องเป็นเวลา 24 วัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ประสานข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องของบุคคลที่จะมาเก็บเงินกู้กับนางนารีฯ เพิ่มเติม เพื่อวางแผนเข้าจับกุมตามข้อมูล
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำธนบัตร ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ตาลสุม มาส่งมอบให้กับ น.ส.นารีฯ เพื่อชำระให้แก่บุคคลตามข้อมูลข้างต้น ซึ่งจะเดินทางมาเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 - 14.00 น. จากนั้นได้วางกำลังซุ่มอยู่ภายในบ้านของ น.ส.นารีฯ ไม่นานได้มีนายเอกรัฐ หรือเอกฯ, นายประยูร หรือโอคฯ และ นายกฤษดา หรือเอ็มฯ ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำลักษณะรูปพรรณตรงตามที่ได้ประสานข้อมูลกับนางนารีฯ ไว้ มาจอดที่บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านนาคาย ต.นาคาย อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี
จากนั้นมีนายประยูรฯ ลงจากรถเดินเข้าไปภายในบริเวณหน้าบ้านดังกล่าว เพื่อมาเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย น.ส.นารีฯ ได้ส่งมอบธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันหลักฐานไว้ ให้กับนายประยูรฯ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มดูอยู่พบเห็น จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอตรวจสอบและตรวจค้นพบธนบัตรของกลาง อยู่ในมือของนายประยูรฯ ซึ่งนายประยูรฯ รับว่าเป็นธนบัตรที่ได้จากการเรียกเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยจาก น.ส.นารีฯ เมื่อสักครู่นี้จริง โดยได้เดินทางมาพร้อมกับนายเอกรัฐฯ และนายกฤษดาฯ ซึ่งรออยู่บนรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและเชิญให้นายเอกรัฐฯ และนายกฤษดาฯ ลงจากรถยนต์
สอบถามทั้งหมดให้การรับว่าพวกตน ได้มาเก็บเงินกู้นอกระบบกับผู้กู้หรือ น.ส.นารีฯ จริง ซึ่งคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ในอัตราประมาณร้อยละ 25 บาทต่อเดือนหรือ 30 วัน หรือ คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ในอัตราประมาณร้อยละ 300 บาทต่อปี ซึ่งเป็นการเรียกอัตราดอกเบี้ยที่เกินว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีในความผิดฐาน "ร่วมกันประกอบกิจการเป็นผู้ให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (1) " ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาลสุม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป