ชูวิทย์โต้กลับเศรษฐา จัดไป 10 ข้อ ลั่นทำหน้าที่ตรวจสอบมีเอกสารราชการทุกอย่าง ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่า ท้าให้เปิดตัวผู้ใหญ่ที่นำมาอ้าง เปิดประเด็นถามสังคม ระหว่างเศรษฐา vs ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร? วันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้ รู้กัน
ภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ปล่อยคลิปชี้แจง ที่ดินแสนสิริ-ปมนอมินี โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันทำธุรกิจ 30 ปี โปร่งใส พร้อมแฉกลับชูวิทย์ บิดเบือนเพราะโกรธที่แสนสิริไม่ยอมซื้อที่ดินสุขุมวิท 2,000 ล้าน แบบไม่มีเงื่อนไข
เวลา 16.00 น. วันนี้ (18 ส.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบกลับนายนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประเด็นๆ ดังนี้
1. แสนสิริซื้อที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล เดี๋ยวรอดู Ep.3 ว่าคราวนี้จะ “สมเหตุสมผล” อย่างที่ว่าไหม เพราะซื้อมาหลักแสนต่อตารางวา ติดถนนใจกลางสุขุมวิทตอนต้น มีบันทึกชัดเจนจากกรมที่ดิน
2. ผู้ซื้อไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของผู้ขาย คุณเศรษฐาโยนให้ “ผู้ขาย” ทุกที แต่ “รปภ. นอมินี” มีความเกี่ยวข้องกับแสนสิริอย่างชัดเจน Ep. 3 เปิดตัว รปภ. อีกคน มาจากมุกดาหาร และยังไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ช่างอินเตอร์สุดๆ มาเจอกันได้ไง?
3. แสนสิริไม่เคยปล่อยกู้ แต่ให้จำนองเพื่อเป็นหลักประกัน จะซื้อก็ซื้อ ทำไมต้องให้จำนองไว้ด้วย มันผิดปกติ ที่สำคัญดันให้จำนอง 1,000 ล้าน ในวันเดียวกันกับที่ “นอมินี” ไปซื้อ บริษัทเอ็น แอนด์ เอ็น จากเจ้าของเก่า (หมอนเรนทร์) 565 ล้าน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 แท้จริงแล้ว ต้องการนำเงินออกจากบริษัทมหาชนมากกว่า
4. ไม่มีการสมคบคิด หรือมีเงินทอน วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 บริษัทลูกแสนสิริ ให้แม่บ้าน กับ รปภ. กู้ 1,000 ล้าน ในวันเดียวกัน แม่บ้าน กับ รปภ. ก็ไปซื้อที่ดินจากบริษัทของหมอนเรนทร์ 565 ล้าน แล้วอีก 435 ล้าน ไปไหน ไม่ยอมชี้แจง ผมมีเอกสารราชการทุกอย่าง แต่คุณเศรษฐา กับแสนสิริ พูดปากเปล่า ไว้เอาไปชี้แจงกับบิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล) แล้วกัน เพราะเดี๋ยวเขาก็เรียก หากใครไม่มา 2 ครั้ง ก็ออกหมายจับ
5. ราคา 1.1 ล้านบาทต่อตารางวา ที่ทองหล่อ เป็นราคาที่เหมาะสม แล้ว 5 แสนบาทต่อตารางวา ใจกลางสุขุมวิทเหมาะสมไหม วันจันทร์ 21 ส.ค.66 รู้กัน
6. ส่วนที่ระบุว่า “ชูวิทย์โกรธ” ที่แสนสิริไม่ซื้อที่ดิน ที่ดินผมไม่มีหนี้ ไม่ติดจำนอง โฉนดเก็บไว้ที่บ้าน ไม่ได้รีบขาย แสนสิริต่างหาก ที่ต้องการที่ดินจำนวนมาก เพื่อจะได้ค่าบวม แล้วดันมาขอเงินบวมจากผมด้วย แสนสิริต้องหาที่ดินมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก เพราะ “หนี้เยอะ” ถึง 9 หมื่นล้าน วันจันทร์ผมจะโชว์ให้ดู
7. ส่วนที่ระบุว่า “ชูวิทย์” มีสัญญาซื้อขายที่ดินอยู่กับบริษัทอื่น แสนสิริจึงไม่สามารถซื้อที่ดินของชูวิทย์ได้ ก็นั่นน่ะสิ ที่ดินผมมีสัญญา รับเงินมัดจำมาแล้ว จะไปขายให้คุณได้อย่างไร ยัง “งง” อยู่ จะปั้นน้ำเป็นตัว ก็เอาที่มันมีเหตุผลหน่อย
8. ส่วนประเด็นที่ระบุว่า “ชูวิทย์” ข่มขู่ให้ซื้อที่ดิน จ่ายมัดจำ ไม่งั้นจะแฉ โดยให้ผู้ใหญ่มากมายติดต่อมาหา นายชูวิทย์ย้อนถามว่า ผู้ใหญ่ที่คุณว่า ไม่ทราบเป็นใคร ช่วยเอามายืนยัน หรืออย่างน้อยมีลายเซ็นผม ไม่ใช่เอารูปจับมือมาโชว์ วันๆ หนึ่งผมจับมือกี่คน คุณเป็นคนขอจับมือถ่ายรูปผมเอง และยังบอกผมว่า “ไม่มีวันเป็นนักการเมือง”
9. ถ้าไม่ซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท “ชูวิทย์” จะแฉต่อไป ประเด็นนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่า ตนเคยบอกไว้แล้ว ถ้าเพื่อไทยหักหลังประชาชน แล้วเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกฯ ผมจะแฉเรื่องนี้ เพื่อเป็นการโต้กลับของประชาชน เพราะนายเศรษฐา ไม่มีคุณสมบัติ สังคมตัดสินได้จากข้อมูลของผม ไม่ได้พูดลอยๆ
“คนอย่างคุณพูดอะไรไว้ก่อนหาเสียง ยังกลับคำพูดได้ ที่ว่าไม่รวมกับ 2 ลุง วันนี้ประชาเขาก็เห็นกำพืดแล้วว่าคุณกลับคำยังไง หากผมโกรธเรื่องที่ดิน ต้องพูดตั้งแต่ตอนนั้น โจมตีคุณกับแสนสิริ แต่ที่พูดตอนนี้ เพราะเมื่อคุณเสนอตัวเป็นนายกฯ ผมก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ และมีหลักฐาน ไม่ได้พูดปากเปล่าเหมือนคุณ “
10. ชูวิทย์บิดเบือนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่นโยบายมีประโยชน์ต่อประชาชน คุณอย่าพูดถึงประโยชน์ต่อประชาชนเลย ขนาดหาเสียงไว้พูดกับปากทั้ง แก้ ม.112, ไม่ร่วมกับพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้ยังกลับคำพูด แล้วยังจะเสนอตัวเองเป็นนายกฯ คนกลับไปกลับมาแบบนี้เป็นนายกฯ ประเทศคงพัง เงินดิจิทัลที่บอกจะให้ประชาชน อยากถามสั้นๆ ว่า แสนสิริมีหุ้นในบริษัทเงินดิจิทัลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไหม อย่างนี้จะเรียกว่า “ผลประโยชน์ซ้อน” ได้ไหม