สนามข่าว 7 สี - มีประเด็นน่าสนใจคือ ใน ครม.ใหม่ มีรัฐมนตรีเดิมอยู่ไม่น้อย ขณะที่พรรคการเมืองขั้วเดิม พลาดตำแหน่งเก่าไปเรียบร้อยแล้ว
เริ่มกันที่รายชื่อ ครม.ใหม่ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงขณะนี้จะมีรัฐมนตรีเก่าในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อยู่ใน ครม.ชุดใหม่ รวม 8 คน จากจำนวนรัฐมนตรีใน ครม.ชุดใหม่ 35 คน หรือคิดเป็น 22.86 % ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คนมีเรดาห์ดีอยู่กับพรรคที่เป็นรัฐบาลเสมอ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และกำลังจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
และยังมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ย้ายพรรคไปพร้อมกับนายสมศักดิ์ ไม่ตกขบวนรัฐมนตรี จากที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นตำแหน่งที่คุ้นเคย เพราะเคยนั่งเก้าอี้นี้มาแล้วในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ผ่านไปเกือบ 20 ปี ได้หวนมานั่งเก้าอี้นี้อีกหน พร้อมพลพรรคมากันเต็มสตรีม เนื่องจากกระทรวงนี้เพื่อไทยจองรัฐมนตรีช่วยอีก 2 คน คือ นางมนพร เจริญศรี และ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ ไร้เงานักการเมืองต่างพรรค เรียกว่าเพื่อไทยเหมาคมนาคมหมดแบบยกกระทรวง
จากพรรคเพื่อไทยมาดูรัฐมนตรีเก่าใน ครม.ใหม่ จากพรรคภูมิใจไทยกันบ้าง เริ่มตั้งแต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองนายกฯควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกำลังจะเป็นว่าที่รองนายกฯ ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใน ครม.ชุดใหม่
และยังมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ขุนพลภาคใต้ของภูมิใจไทย ที่ไม่หลุดโผ ครม. เพราะถือเป็นแกนหลักสำคัญของพรรค จะย้ายตัวเองจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ไปเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลเศรษฐา 1
อีกคนแบ็กดีคนใกล้ชิดนายเนวิน ชิดชอบ คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี จะโยกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไปเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ
ส่วนรัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงของพรรคภูมิใจไทยมี 5 คน ที่น่าสนใจคือ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่ากันว่ารับโควตารัฐมนตรีแทนนายศักดิ์สยาม ที่อยู่ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง หากให้กลับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่อาจเกิดความเสี่ยงต้องหลุดจากเก้าอี้ จึงเพลย์เซฟไว้ก่อน ส่งพี่ชายมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีแทน
รัฐมนตรีป้ายแดงอีกคนคือ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งความจริงมีชื่อติดโผในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แต่ตอนนั้นถูกโจมตีหนักภาพลักษณ์เจ้าพ่อ สุดท้ายถอดใจ ส่งน้องสาว นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ลดแรงเสียดทานทางการเมือง มาคราวนี้ขอผงาดในตำแหน่งที่หวังมานาน
มาต่อกันที่พลังประชารัฐ มีรัฐมนตรีคู่พี่น้อง ที่กำลังจะแตะมือรับไม้ต่อเหมือนกัน ไม่ใช่ใครที่ไหน คือพี่ใหญ่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คราวนี้จะสละตำแหน่งให้โควตาน้องชาย พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาลิ้มรสความเป็นรัฐมนตรีกับตำแหน่งว่าที่รองนายกฯควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เท่ากับในรัฐบาลใหม่จะมีสามคู่พี่น้องที่สลับกันมารับตำแหน่งรัฐมนตรี
ส่วนรัฐมนตรีเก่าในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ สังกัดพลังประชารัฐ ที่ได้คั่วเก้าอี้รัฐมนตรีอีกครั้ง คือ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่ถูกปลดแบบฟ้าผ่า ก่อนจะลี้ภัยออกจากพรรคพลังประชารัฐไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย แต่ไปไม่รอดกลับมาซบรังเดิม สุดท้ายก็คว้าเก้าอี้ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯไป เรียกว่าได้ดิบได้ดี เพราะก้าวกระโดดจากรัฐมนตรีช่วย ขึ้นชั้นว่าการเลย
อีกคนที่ได้เป็นรัฐมนตรีต่อเนื่องคือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยนายสันติก็ถือเป็นคนคุ้นเคยของพรรคเพื่อไทย เพราะเพิ่งย้ายขั้วมาอยู่พลังประชารัฐเมื่อปี 2562 ก่อนจะกลับมาบรรจบกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลสลายขั้ว เรียกว่าคนกันเองทั้งนั้น
มาดูรัฐมนตรีเก่าคนสุดท้ายใน ครม.ใหม่ คือ นายอนุชา นาคาศัย ได้เป็นรัฐมนตรีจากโควตาพลังประชารัฐ แต่ย้ายไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ มีรัฐมนตรีตั้งแต่ยังไม่มี สส. ใน ครม.ใหม่ ก็ไม่ตกขบวน เพียงแต่ย้ายตำแหน่งจากเดิมเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ
