เศรษฐา แถลงนโยบายหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ

View icon 103
วันที่ 11 ก.ย. 2566 | 16.24 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เศรษฐา แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน ศิริกัญญา พร้อม จุรินทร์ จับมือกันชำแหละนโยบายไม่ตรงปก

เศรษฐา แถลงนโยบายหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวการเมืองวันนี้ (11 ก.ย.) เริ่มกันที่บรรยากาศที่รัฐสภา โดยช่วงเช้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถือฤกษ์เวลา 07.59 น. นำพวงมาลัยไหว้สักการะพระสยามเทวาธิราช ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำรัฐสภา ก่อนสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 บริเวณห้องพิพิธภัณฑ์อาคารรัฐสภา

จากนั้น นายเศรษฐา พร้อมคณะรัฐมนตรี เปิดฉากแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะใช้เวลา 30 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน คือวันที่ 11-12 กันยายน 2566 โดยแบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 5 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 5 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง

นายเศรษฐา แถลงนโยบายบางช่วงว่า ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในวงกว้าง และปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ฉะนั้นเป้าหมายของรัฐบาลนี้ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน และวางรากฐาน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่ นายเศรษฐา แถลงต่อรัฐสภา เช่น นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งจะเป็นตัวจุดชนวน กระตุกเศรษฐกิจให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ลดภาระให้พี่น้องเกษตรกรด้วยการพักหนี้ ตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สิน การบริหารจัดการราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมทันที พร้อมหารือแนวทางการทำประชามติให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตย และการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

ศิริกัญญา ชำแหละนโยบายรัฐบาลไม่ตรงปก
จากนั้น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงนโยบายรัฐบาลว่า น่าผิดหวังมากกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และถือว่ามาตรฐานตก จากครั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมัย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นางสาวศิริกัญญา ยังเปรียบเทียบนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยกับคำแถลงนโยบายที่มีหลายข้อไม่ตรงปก เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน แต่ในคำแถลงนโยบาย ระบุเพียง ค่าแรงขั้นต่ำเป็นธรรม และเงินเดือนเป็นธรรม หรือการปฏิรูประบบราชการด้วยรัฐบาลดิจิทัล แต่คำแถลงนโยบาย ระบุว่า ปรับปรุงการทำงานของภาครัฐ ให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล 1 ครอบครัว 1 Soft Power เรียนฟรี มีงานทำ สร้างรายได้ 200,000 บาทต่อปี แต่คำแถลงนโยบาย ระบุเพียง 1 ครอบครัว 1 Soft Power สร้างงานสร้างรายได้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่ไม่มีการระบุไว้ในคำแถลงนโยบาย

นางสาวศิริกัญญา วิเคราะห์ว่า ตอนนี้รัฐบาลกลัวผูกมัด และจะทำไม่ได้ตามสัญญา จึงไม่กล้าผูกมัดอะไรลงในนโยบาย หรืออาจเป็นเพราะรัฐบาลผสมขั้ว ทำให้นโยบายเข้ากันไม่ได้ และต้องเขียนนโยบายกว้าง ๆ แทน ซึ่งการบริหารประเทศไม่ใช่การพนัน จะเทหมดหน้าตัก แล้วหวังน้ำบ่อหน้าแบบนี้ไม่ได้

คำนูญ เป็นห่วงแหล่งที่มาเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน สว. อภิปรายถึงประเด็นการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า เป็นนโยบายที่ชาญฉลาด และกล้าหาญ แต่แฝงไว้ด้วยความสุ่มเสี่ยงที่จะมีการใช้จ่ายอย่างมโหฬาร เพราะเป็นนโยบายที่ใช้เงินจำนวนมาก เกือบเท่างบลงทุนใน 1 ปี ซึ่งเทลงไปครั้งเดียว

ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า จะเทหมดหน้าตัก แต่ไม่ใช่หน้าตักของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นหน้าตักของประเทศ โดยที่มาของเงินนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท เอกสารที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงต่อ กกต. บอกว่า เงินทั้งหมดมาจากการบริหารระบบงบประมาณ และระบบภาษี

แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีคนหนึ่งออกมาให้ข่าวว่าอาจให้รัฐวิสาหกิจทำไปก่อน แล้วรัฐตั้งงบฯ จ่ายคืนภายหลังที่จะเป็นเหมือนโครงการจำนำข้าว เบื้องต้นรู้สึกเป็นห่วงเรื่องแหล่งที่มาของเงินว่าอาจมีปัญหาตามมาในอนาคต

ชำแหละนโยบายรัฐบาล เหมือนนินจา หายไร้ร่องรอย
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายอย่างดุเดือดว่า นโยบายของรัฐบาลสวนทางกับความสูงของนายกรัฐมนตรี ถือเป็นหนังคนละม้วนกับนโยบายที่ใช้หาเสียง ไม่ตรงปก แต่กลายเป็นนโยบายนินจา หายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนนโยบายฟื้นฟูหลักนิติธรรมของรัฐบาลข้ามขั้ว แม้เปลี่ยนชื่อเป็นรัฐบาลสลายขั้ว แต่สลายความขัดแย้งไม่ได้ สิ่งที่จะสลายความขัดแย้งได้มีเพียงหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งเท่านั้น

สว.วันชัย ประกาศหนุนนโยบายรัฐบาล
แตกต่างจาก นายวันชัย สอนศิริ สว. อีกท่าน ที่ประกาศสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเต็มที่ เต็มกำลัง และขอให้ประสบความสำเร็จ เพราะรัฐบาลของนายเศรษฐา มีการสลายขั้วหลายสี สลายความขัดแย้ง เพื่อมาเป็นรัฐบาลร่วมกัน และสร้างความสามัคคีปรองดองที่เป็นรูปธรรมในรอบ 20 ปี