บีทีเอส แจงปม ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสัญญาเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ยันไม่ได้รับการยืนยันจาก ป.ป.ช. ที่ผ่านมาได้ติดต่อขอความชัดเจนกับ ป.ป.ช.หลายครั้ง จนวันนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงของพฤติการณ์ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ขอนัดพบ ป.ป.ช.ใหม่ 15 ก.ย.นี้
จากกรณีที่มีข่าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ต่อ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 12 คน ซึ่งรวมถึง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) นายคีรี กาญจนพาสน์ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ในฐานะกรรมการของบริษัทฯ เกี่ยวกับกรณีการทำสัญญาให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2555 (“สัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย”) นั้น
วันนี้ (14 ก.ย.66) บีทีเอส. ได้ออกมาชี้แจงว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันในเรื่องการชี้มูลความผิดดังกล่าวจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริง และกระบวนการตามกฎหมายเบื้องต้น ดังนี้
1. ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ BTSC และผู้บริหาร ว่าเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ BTSC และผู้บริหารได้มีหนังสือสอบถาม เพื่อขอความชัดเจนของพฤติการณ์ในการกระทำความผิดกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่หลายครั้ง เพื่อให้ BTSC และผู้บริหารได้ชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมตามที่ร้องขอ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตรวจพบว่ามีข้อเท็จจริง และหลักฐานหลายประการที่ยังไม่ปรากฏในสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้นในวันที่ 4 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ทางผู้บริหารของ BTSC จึงได้มีหนังสือขอนัดหมายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 14.00 น. เพื่อขอรับทราบพฤติการณ์ในการกระทำความผิด และขอชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ แต่กลับปรากฏตามข่าวว่าทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับทราบข้อเท็จจริง และเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกต้องครบถ้วนจาก BTSC และผู้บริหารแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะทราบความจริงว่า BTSC และผู้บริหารไม่ได้กระทำใด ๆ ที่เป็นความผิดตามที่ได้กล่าวหา
2. ในทางกฎหมาย หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดตามที่เป็นข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องจัดส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด ภายใน 30 วันนับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ และอัยการสูงสุดต้องพิจารณาสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ได้รับสำนวน (เว้นแต่มีการขยายระยะเวลาออกไป) เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสำนวนการไต่สวน และพิจารณาว่าจะดำเนินคดีต่อ BTSC และผู้บริหาร ตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่ อีกชั้นหนึ่ง
3. การมีมติชี้มูลความผิดเป็นกระบวนการทางอาญา กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และคู่สัญญาฝ่ายรัฐยังคงถือเอาประโยชน์ตามสัญญาดังกล่าว บริษัทฯ จึงขอให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการจงเชื่อมั่น และขอยืนยันว่าสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และบริษัทฯ ยังคงให้บริการตามสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อไป
หากปรากฏความจริง หรือได้รับแจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดจริงตามที่ปรากฏในข่าว บริษัทฯ จะเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง และรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป