“บิ๊กโจ๊ก” ระบุ ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนคดีฆ่าสารวัตรศิวให้กองปราบฯ ดำเนินคดีตำรวจในที่เกิดเหตุผิด ม.157 ส่วนตนเองจะขยายผลเรื่องฮั้วประมูลและสอบเส้นทางการเงิน

“บิ๊กโจ๊ก” ระบุ ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนคดีฆ่าสารวัตรศิวให้กองปราบฯ ดำเนินคดีตำรวจในที่เกิดเหตุผิด ม.157 ส่วนตนเองจะขยายผลเรื่องฮั้วประมูลและสอบเส้นทางการเงิน

View icon 362
วันที่ 17 ก.ย. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
17 ก.ย. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุว่าจากการดูกล้องวงจรปิดทั้งหมดพบว่าคำให้การขัดแย้งกัน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและไม่ตรงกับภาพในกล้องวงจรปิด ส่วนนี้จะนำไปสู่ในเรื่องของการสอบสวน โดยวันนี้ ผบ.ตร. ได้สั่งโอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีกับตำรวจตามมาตรา 157 หรือข้อหาให้การเท็จ ส่วนนี้ พันตำรวจเอกเอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม จะเป็นผู้ให้ข้อมูลและรับผิดชอบคดีนี้ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ วันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) พนักงานสอบสวนกองปราบฯ จะต้องร่วมกันพิจารณา

ส่วนการทำหน้าที่วันนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของการสืบสวน จะขยายผลการประชุมร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, กรมบัญชีกลาง, กรมสรรพากร, สำนักงาน ป.ป.ช., ปปง., และ ป.ป.ท. จะขยายผลในเรื่องเส้นทางการเงิน, การร่ำรวยผิดปกติ, การเลี่ยงภาษีอากรหรือไม่ ส่วนนี้ตนจะรับผิดชอบต่อร่วมกับชุดสอบสวนของภาค 7

ส่วนสำนวนเรื่องกำนันนก, คดีฆ่า พยามฆ่า, ตำรวจร่วมทุจริตหรือไม่ ส่วนนี้กองปราบฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง วันพรุ่งนี้ัพันตำรวจเอกเอนกจะหารือร่วมกับ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่วันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร

ส่วนประเด็นของผู้กำกับ สน.พญาไท ก่อนหน้านี้ได้ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม ไปแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วยเป็นประเด็นปลีกย่อย

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นนอกจากตำรวจที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว 6 คน จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ วันพรุ่งนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกับกองปราบฯ และจะมีข้อยุติในวันพรุ่งนี้

ส่วนที่มีคำสั่งแต่งตั้งกำนันนก เป็นกรรมการการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ  จ.นครปฐม เป็นคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ที่เสนอโดนผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม แต่เมื่อเกิดเรื่องได้เซ็นยกเลิกคำสั่งไปแล้ว โดยการเสนอของผู้บังคับการฯ เสนอไปยังผู้ว่าฯ

ส่วนการคัดเลือก ต้องยอมรับว่ากำนันนกและผู้บังคับการฯ รู้จักกันอยู่แล้ว เพราะถ้าหากไม่รู้จักก็คงไม่มีการแต่งตั้ง โดยส่วนนี้กองปราบจะสอบสวนต่อ

ส่วนคุณสมบัติในการแต่งตั้งมีหลักเกณฑ์มีอยู่แล้ว คนที่จะเข้ามาเป็น กต.ตร.ต้องเอาคนที่มีจิตมุ่งมั่นที่จะมาสนับสนุนงานตำรวจ เหมือนเอาผู้แทนภาคประชาชนเข้ามาเพื่อจะบอกว่าในจังหวัดนครปฐมมีปัญหาอะไรบ้าง เป็นเครื่องสะท้อนการทำงานของตำรวจ จึงต้องเอาคนเหล่านี้เข้ามาเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ซึ่งจะมีการประชุมทุกเดือน แต่การคัดกรองก็จะต้องคัดคนดีเข้ามา ไม่ใช่คัดคนไม่ดีเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ต้องตำหนิ และวันนี้ทุกจังหวัดต้องตื่นตัวในเรื่องของการพิจารณา จะต้องไม่เอากลุ่มผู้อิทธิพลเข้ามาอยู่ใน กต.ตร.เรื่องนี้ต้องไปปรับเปลี่ยน

ส่วนการสอบสวนเรื่องเส้นทางการเงินของกำนันนก วันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ จะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 หน่วยงาน ซึ่งการจับกุมในวันนี้เป็นการจับกุมแค่ปลายเหตุ ต้องขยายไปถึงความผิดปกติว่าทำไมกำนันนกถึงได้โครงการของรัฐกว่า 1,500 โครงการ มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งต้องขยายผลไปถึงตรงนี้ รวมถึงเส้นทางการเงินต่าง ๆ ว่ามีการโอนไปที่ไหนบ้าง

ด้าน พันตำรวจเอกเอนก ระบุว่าในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 157 พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ให้โอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองปราบฯ การดำเนินการในส่วนที่เหลือจะสอบสวนต่อว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งในกล้องวงจรปิดเห็นพฤติการณ์ของแต่ละคนชัดเจน กองปราบฯ จะนำไปพิจารณาต่อ ซี่งตอนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากถึง 34 คน ก็จะนำไปพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบอีกครั้ง ยอมรับว่าการดำเนินการในส่วนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดูและให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยบุคคลที่กระทำผิดในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานก็จะดำเนินการฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

ส่วนตอนนี้การสอบสวนแยกเป็น 2 คดี

คดีแรกคือคดีการเสียชีวิตของสารวัตรศิว มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 7 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนกำนันนก ดำเนินคดีในข้อหาผู้ใช้ และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งได้แจ้งข้อหาฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดไปแล้ว

ส่วนอีกหนึ่งคดีคือมาตรา 157 ปฏิบัติหรือพลเว้นการปฏิบัติหน้าที่หน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งกองปราบฯ ได้ดูสำนวนการสอบสวนไปแล้ว มีผู้ต้องหา 6 คน คือตำรวจที่มีการออกหมายจับและฝากขังไปก่อนหน้านี้

ด้าน พลตำรวจโทสันติ์ สุขวัจน์ ที่ปรึกษารอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่าเมื่อวานได้นำตัวช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ข้อมูลที่กู้มาได้พบว่ากล้องวงจรปิดตัวที่ 6 ไม่มีภาพหน้าโต๊ะจีน และพบว่ามีการดึงสายกล้องวงจรปิดออก ไม่มีการล็อกอินผ่านมือถือเครื่องใด จึงสันนิษฐานว่ากำนันนกไม่มีความรู้ในเรื่องนี้จึงใช้วิธีดึงสายกล้องออก ประกอบกับกล้องวงจรปิดตัวอื่นจับภาพได้ว่ากำนันนกอยู่ในบ้านช่วงนี้เพียงคนเดียว ส่วนการตรวจสอบ DNA ที่สายกล้องไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะ DNA น้อย

ทั้งนี้มีรายงานว่าชุดคลี่คลายคดีได้เรียกตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบปากคำแล้ว พบว่าทุกคนอยู่ในอาการเครียด เพราะไม่คิดว่าตนเองจะถูกออกหมายเรียก

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีตำรวจบางนายขึ้นลำกล้องจะต่อสู้หลังเกิดเหตุยอมรับว่ามีจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวนของกองปราบฯ

เมื่อถามว่าทำไมตำรวจที่ขึ้นลำกล้องไว้ถึงไม่ต่อสู้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ปฏิเสธตอบคำถามนี้ และขอให้ไปถามจากกองปราบฯ แต่ตามปกติแล้วความผิดซึ่งหน้า ตำรวจต้องทำหน้าที่ จะมาอ้างว่าตกใจไม่ได้เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องจับคนร้าย ต้องรักษาที่เกิดเหตุ เพราะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์