นายกฯเศรษฐา คาด พ.ย.ทราบ ปีหน้าค่าแรงขึ้นเท่าไหร่

นายกฯเศรษฐา คาด พ.ย.ทราบ ปีหน้าค่าแรงขึ้นเท่าไหร่

View icon 110
วันที่ 18 ก.ย. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ เศรษฐา คาด พ.ย.ทราบ ปีหน้าค่าแรงขึ้นเท่าไหร่ ส่วนค่าไฟ จะพยายามกดให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ สิ้นปีหวังว่าจะได้ไปเยือนอินเดีย คุยเรื่อง "วีซ่าฟรี" ย้ำ วีซาฟรี ไม่ได้หมายความว่า จะฟรีเรื่อง Blacklist ส่วนเรื่อง #ทุนสีเทา มีการคำนึงถึงพร้อมๆกับการยกเว้นการขอวีซาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคง จะบริหารจัดการ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายในงาน Thairath Forum 2023 วันนี้ 18 กันยายน 2566 ถึงภาพรวมเศรษฐกิจและภารกิจหลัง ซึ่งคำถามแรกที่พิธีกรถามนายเศรษฐา คือ 7 วันที่ผ่านมา ทำงานไม่หยุดเลย เหนื่อยหรือไม่? ซึ่งนายเศรษฐา ระบุว่า คิดว่าตนเองไม่มีสิทธิเหนื่อย เพราะมีหน้าที่ต้องทำงาน ตราบใดที่ยังมีภารกิจอยู่ก็ต้องทำ เมื่อวานนี้ไปเตะบอลก็พยายามจัดตารางเวลาให้ได้ ซึ่งเมื่อวานนี้มีเวลา 45 นาที ก็เล่นฟุตบอล ก่อนไปประชุมต่อ

สำหรับสไตล์การทำงานของ "เศรษฐา" จริงๆเป็นอย่างไร?

นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองเป็นคนที่ทำอะไรเร็ว ตัดสินใจรวดเร็ว ในบริบทของภาคเอกชน มีหน่วยงานที่อยู่รอบๆจำนวนน้อย เมื่อมาทำงานกับภาครัฐบาล มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยอะกว่ามาก เพราะฉะนั้น เวลาจะมองอะไร ก็มองกว้างขึ้น และเรียนรู้ทุกวัน จริงๆแล้วตนเองมีอำนาจในการบริหารในฐานะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังเที่ยง หรือ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบางเรื่องก็ตัดสินใจเร็วเกินไป พูดเร็วเกินไป ต้องมีการไตร่ตรองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ก็ถือเป็นบทเรียนและเรียนรู้ไป ขณะนี้ก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวอยู่

เรื่องที่กำลังเร่งแก้ปัญหา คือ เรื่องปัญหาที่ประชาชนประสบอยู่ ทั้งเรื่องปากท้อง เรื่องสิทธิเสรีภาพ หากว่ารอคอยให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หรือครบหมดทุกมิติค่อยแก้ปัญหา อาจจะใช้เวลานาน บางอย่างอะไรทำได้ อยากทำก่อน เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ก็จะทำก่อน ยกตัวอย่างเช่น ที่ทำไปสัปดาห์ที่แล้ว หลังประชุม ครม.คือ เรื่องค่าไฟ กับค่าน้ำมันดีเซล แต่ก็ยังไม่ครบ เพราะยังมีน้ำมันเบนซินอีก โดยนโยบายจะค่อยๆคลอดออกมาเรื่อยๆ วันนี้นี้จะสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าลดค่าไฟฟ้า จะพยายามกดให้ต่ำกว่าที่เอกชนอยากได้ จาก 4.25 บาทต่อหน่วย ตอนนี้ 4.10 บาท หรือกดให้เหลือเลข 3 คาดว่าคงต้องใช้เวลา สัก 2-3 สัปดาห์ ค่อยๆ ทำ แต่อยากให้เร็วกว่านั้น

เรื่องความเร็ว "เศรษฐาหาร 2" ถ้าลูกน้องเสนอ Project ขึ้นมา จะหารครึ่งทันที เช่น จะทำให้เสร็จ 30 วัน เหลือ 15 วัน

นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองเชื่อว่าข้าราชการ เป็นภาคส่วนที่มีความสามารถ และตอบรับนโยบายรัฐบาล และผู้นำได้ดี เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผล อธิบายให้ฟังว่า จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเหตุและผล องค์ประกอบต่างๆที่มี ตนเองเชื่อว่าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจทุกท่าน ตระหนักดีถึงความลำบากของประชาชน นโยบายหลายนโยบายที่เห็นพ้องต้องกันว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน อย่างเช่น วีซ่าฟรี หรือ การยกเว้นการขอวีซ่า ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งด่วน เพราะว่าอีก 2 สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่ฤดู High Season แล้วถ้าหากไม่เร่งด่วน หรือ เร่งทำการวางแผน นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ ก็จะไม่มีผลเท่าไหร่

นอกจากนี้ นายเศรษฐา เผยอีกว่า เรื่องวีซ่าฟรี มีคนมาถามเยอะว่าทำไมนักท่องเที่ยวอินเดีย ยังไม่ "วีซ่าฟรี" ซึ่งเรื่องนี้ ตนเองมีอยู่ 2-3 คำตอบ คำตอบแรก คือ ขั้นตอนในการขอวีซ่าที่อินเดียง่าย และสะดวก เที่ยวบินที่อินเดียยังไม่เปิดเข้ามาไทยเยอะ อินเดียอยู่ใน process ของการสั่งเครื่องบินอย่างมโหฬาร ภายในก่อนสิ้นปีตนเองหวังว่า จะได้ไปเยือน และได้พูดคุยกับผู้นำสูงสุดของอินเดีย เพราะว่านักท่องเที่ยวอินเดีย เป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูง ถึงแม้จะทำเรื่องวีซ่าฟรีไม่ได้

สำหรับนักท่องเที่ยวอินเดีย เวลาเข้ามา มักเข้ามาแต่งงานที่ไทยเยอะ ซึ่งใช้เงินหลายสิบล้าน ถือว่าใช้เงินสูงมาก เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องของหน้าตา อินเดีย มีอัตราการหย่าที่ต่ำมาก 1 กว่าเปอร์เซ็นต์ ต่ำที่สุดในโลก แสดงว่าการแต่งงานทุกครั้ง จะใช้เงินอย่างมโหฬาร แล้วแขกที่มาร่วมงานก็จะจัดเต็ม รวมไปถึงเครื่องเพชร Jewelry ที่นำเข้ามา ก็มีการเสียภาษีด้วย

ตั้งเป้าหมายกับวีซ่าฟรี ของจีนภายในไตรมาส 4 คาดว่า จะได้เงินเท่าไหร่

นายเศรษฐา ระบุว่า ยังไม่ได้ดูครบทุกมิติ แต่คาดว่าประมาณ 35,000 ล้าน ก็น่าจะได้เข้ามา จากการลงพื้นที่เชียงใหม่ มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงแรมหลายคนบอกว่ามี Booking เข้ามาเยอะอย่างมีนัยยะ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่จะต้อง make sure ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจทุกนาทีที่อยู่ในไทย

กังวลเรื่องทุนสีเทาหรือไม่ หากวีซ่าฟรีแล้ว

นายเศรษฐา เผยว่า เรื่องวีซ่าฟรี มีคำนึงถึงพร้อมๆกับการยกเว้นการขอวีซ่าอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องตระหนักดีว่าต้องบริหารจัดการเรื่องนี้ การที่เราให้วีซ่าฟรี ไม่ได้หมายความว่า จะฟรีเรื่อง Blacklist เรื่อง Blacklist ก็จะเข้มงวดต่อไป บริหารจัดการกันไป การที่จะมีนโยบายดีๆไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าเกิดมีปัญหาเก่าอยู่ ซึ่งปัญหาเก่าที่มีก็ต้องสะสางกันไป

เศรษฐา อธิบายนโยบายเศรษฐกิจภาพรวมเป็นภาพจิ๊กซอว์

ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายสูง เงินในกระเป๋าน้อยลง ซึ่งอะไรที่ทำได้ก่อน ก็จะทำก่อน เรื่องลดค่าใช้จ่าย การพักหนี้เกษตรกร ซึ่งพักไปแล้ว ประมาณ 13 ครั้ง ใน 9 ปี แต่ก็ยังเดือดร้อนต่อไปเรื่อยๆ แสดงว่าที่ผ่านมา ภาพใหญ่ในระยะกลาง ระยะยาว ไม่มีการบูรณาการอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ข้อคิดเห็นมาว่า ถ้าพักหนี้ แล้วไม่มีแผนงานระยะยาว ก็จะทำให้เกษตรกรไม่มีรายได้เพิ่ม ก็ต้องกลับมาพักหนี้อีกเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลนี้พยายามจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ซึ่งการเพิ่มรายได้ ระยะสั้นที่สุด คือ เรื่องของ Digital wallet ซึ่งจะมีการจัดการไป และจะพยายามให้ได้เร็วที่สุด คาดว่าไตรมาส 1 ปีหน้า

เรื่องการลงทุน เป็นเรื่องสำคัญ GDP จะโตได้ก็ต่อเมื่อ ต้องยกระดับการลงทุนของประเทศ

นายเศรษฐา เผยว่า จะมีการนำนักธุรกิจชั้นนำ ไปดูเรื่อง Business matching เพื่อนำการลงทุนเข้ามาสู่ประเทศ รัฐบาลที่ผ่านมาก็ทำงานไว้ดีก็มีบ้าง บางธุรกิจบางภาคส่วน ก็มีการเซ็น MOU ไปแล้ว หรือกำลังจะเซ็นบ้าง แต่หน้าที่ของตนเอง คือ ทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ใครที่ยังไม่ได้มาลงทุน ก็เป็นหน้าที่ของตนเองที่จะทำให้มั่นใจในการมาลงทุนที่ไทย

จุดแข็งของประเทศไทยในการเชิญชวน นักลงทุนมาลงทุนในไทย

นายเศรษฐา ระบุว่า จุดแข็งของประเทศไทย คือ ความพร้อมด้านสนามบิน ความพร้อมด้านท่าเรือ เรื่องกฎหมาย เรื่องภาคเอกชน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น เวียดนาม หรือ อินโดฯ อย่างมโหฬาร สภาพการเงินที่แข็งแกร่งมาก และอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้มีการพูดถึงนั่น คือ เรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่จะเข้ามาอยู่จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ healthcare ในหลายๆโรงพยาบาล เรื่องของโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งสำคัญมาก

"ค่าแรงขั้นต่ำ"

นายเศรษฐา ระบุว่า สำหรับการขึ้นค่าแรงเป็นหนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่ให้ความสำคัญนอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ก่อนสิ้นปี ในภาคส่วนของแรงงาน บางที่มีการให้ค่าแรงมากกว่า 400 บาท ไม่ใช่ 330 บาท แต่บางส่วนค่าแรงยังไม่ถึง 400 บาทก็ต้องดูแลกัน คาดว่า ก่อนปีใหม่น่าจะเดือนพฤศจิกายน คาดว่า จะประกาศได้ว่า ค่าแรงจะปรับขึ้น ในวันที่ 1 มกราคม เป็นเท่าไหร่ ซึ่งหวังว่าจะไปถึง 400 บาท

เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ได้พูดคุยกับ SME ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหลายๆภาคอุตสาหกรรม อยากโรดแมปของรัฐบาลที่ชัดเจนว่า ในการเพิ่มรายได้ คืออะไร ยอมรับว่า ภาคเอกชน มีความสำคัญกับรัฐบาล หากรัฐบาลจะประกาศขึ้นค่าแรงอย่างเดียว เพื่อจะเอาคะแนนเสียงจากประชาชน ก็ไม่ใช่ ต้องมองครบทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลนี้เข้าใจ ขณะนี้ขอรับข้อมูลให้ครบก่อน และขอพูดคุยกับทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้ดี และปรับนโยบายให้เหมาะสม แผนปฏิบัติการที่ชัดเจนคาดว่าปีใหม่น่าจะได้ เพราะยังมีอีกหลายกระทรวงที่ ต้องพูดคุยกัน

ตนเองไม่ลืมนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่อาจจะมีการคลาดเคลื่อน อาจจะไม่ถูกเป๊ะ ซึ่งตนเองเป็นนายกฯ แต่ตนเองไม่ได้เป็นนายกฯที่เป็นมาแล้ว 4 ปีหรือ 8 ปี ตนเองเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ต้องบอกตรงๆว่า ยังไม่ทราบกระบวนการ ยังไม่ทราบงบประมาณ ยังไม่ทราบกลไก เท่าที่อยากจะทราบ แต่ก็พยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด พยายามที่จะเข้าใจระบบของราชการให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำงานร่วมกับภาคส่วนราชการ ให้มีความสบายใจ ในการที่ตนเองเข้ามาทำงาน แล้วจะทำเป็นแผนงานออกมา

"ราคารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย"

ราคารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังไม่ได้รับการดูข้อมูลทั้งหมด หากจะปรับใน 3 เดือน อาจจะยาก แต่ ณ วันนี้ เริ่มปฏิบัติการแล้ว ในการหาข้อมูล และปัญหาต่างๆ ต้องยอมรับว่า มีปัญหาที่สะสมมานานทั้งเรื่อง ค้างค่าใช้จ่ายที่จะให้กับภาคเอกชน ซึ่งเป็น 6 หมื่นล้านแล้ว ส่วนรถไฟหลายๆสาย ที่ไปดูมา วิธีการขึ้นรถไม่เหมือนกันบางสายใช้เครดิตการ์ดได้ บางสายใช้ไม่ได้ แต่ยืนยันว่าได้เริ่มทำงานแล้ว

"ห้องทำงานที่ทำเนียบ"

นายเศรษฐา ระบุว่า ปัจจุบันนั่งทำงานอยู่ในห้องคณะทำงาน ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องนายกฯ ตั้งแต่เข้าทำเนียบมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีประมาณ 10 วินาที เพราะซินแสบอกให้นั่ง เท่านั้นเอง แล้วก็ไม่เคยนั่งอีกเลย ใช้เป็นห้องทางผ่าน เวลาเข้าห้องน้ำอย่างเดียว แล้วก็เดินไปตามโต๊ะต่างๆ หลังจากนี้ ตนเองจะเปลี่ยนแปลงระบบโต๊ะทำงาน ให้เหมาะสมที่จะรับฟังปัญหา จากทุกภาคส่วนที่ได้ไปสอบถามมามากขึ้น เพราะทางกายภาพขณะนี้ ไม่ให้ความเป็นมิตรภาพเท่าไหร่ ตนเองอยากให้เป็นรัฐบาลที่เข้าถึงได้ ขณะนี้กำลังคิดว่าน่าจะไปใช้ "บ้านพิษณุโลก" เป็นที่ทำงานของคณะที่ปรึกษา ไม่เอาห้องทำงาน แต่ตั้งเป็นโต๊ะล้อมวงมานั่งคุยกันดีกว่า ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่อยากให้เกิดขึ้นและเป็นการลดขั้นตอนการทำงาน