ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตัวละครสำคัญในคดีบิ๊กโจ๊ก ที่วันนี้ทุกสื่อต่างจับจ้องคงหนีไปไม่พ้น "เฮียแต๋ม" เพราะข้อมูลที่บิ๊กโจ๊กให้เรื่องบ้านพัก 5 คูหา ที่ตำรวจ PCT ไปค้น ยังมีคำถามว่าสรุปแล้วทั้งคู่เป็นญาติกันจริงหรือไม่
จุดเริ่มต้นที่มาของชื่อ นายชินรัตน หรือ เสี่ยแต๋ม อุดร หรือ เฮียแต๋ม เริ่มจากข้อขัดแย้งที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ บิ๊กโจ๊ก ปฏิเสธไม่ให้ตำรวจเข้าค้นที่พัก ส่วนตำรวจที่จะเข้าค้น บอกว่า มีข้อมูลว่าบ้านหลังนี้มีชื่อของผู้ครอบครองเป็นคนอื่น ไม่ใช่ บิ๊กโจ๊ก
ซึ่งพลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 4 ยังยืนยันหนักแน่นว่า ตำรวจที่ไปค้นไม่รู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวคือบ้านบิ๊กโจ๊ก ไม่ได้ปกปิดข้อมูลต่อศาล
แล้วชื่อ เฮียแต๋ม มาตอนไหน มาตอนที่ บิ๊กโจ๊ก ให้สัมภาษณ์กับสื่อระหว่างไปยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลไต่สวน เรื่องการละเมิดอำนาจศาลด้วยการออกหมายค้นบ้าน บอกว่า บ้านหลังนั้นไม่ใช่บ้านของตนเอง แต่เป็นบ้านที่เช่าญาติของตนเองที่ชื่อ เฮียแต๋ม มาใช้อยู่อาศัยชั่วคราว ตนเองจ่ายเงินค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท และเคยให้การเรื่องนี้กับ ป.ป.ช. แล้ว
สำหรับ เฮียแต๋ม เคยปรากฏชื่อเป็นพยานในการประชุมชี้แจงต่อที่ประชุม ป.ป.ช. คดีที่บิ๊กโจ๊ก สมัยยศพันตำรวจเอก ถูกยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช. ให้พิจารณาชี้มูลความผิด คดีเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการคาราโอเกะ และผู้ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน หรือไม่ ก่อนที่เมื่อปี 2560 ที่ประชุมจะลงคะแนนเสียง 7 ต่อ 1 ว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ทำให้คดีนี้ถูกตีตกไป
ทีมข่าวเราไปเจาะข้อมูลมาอีก พบว่า บิ๊กโจ๊กกับเฮียแต๋ม รู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนจะมีการร้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบบิ๊กโจ๊ก ถึงขั้นสนิทสนมรักใคร่กันเหมือนญาติ เพราะในช่วงที่บิ๊กโจ๊ก เจอมรสุมชีวิต ที่มีคำสั่งให้ไปประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี ช่วงดังกล่าวมีหลายคนบอกว่าเป็นขาลงของบิ๊กโจ๊ก เพื่อนที่คบหาและลูกน้องบางคนก็หายหน้าไป
เห็นได้จากหลายครั้งที่บิ๊กโจ๊ก มักจะเดินทางมาหาเฮียแต๋มที่จังหวัดอุดรธานี เฮียแต๋มยังดูแลบิ๊กโจ๊กเหมือนเดิม พาไปวัดเพื่อทำบุญ พาไปบวชปฏิบัติธรรมในวัดป่า ในยามที่บิ๊กโจ๊กยากลำบาก เฮียแต๋มก็ยังปฏิบัติตัวคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการพิสูจน์จิตใจของเฮียแต๋มที่มีต่อบิ๊กโจ๊ก และเมื่อฟ้าหลังฝนผ่านไป บิ๊กโจ๊กได้เลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร. ก็ไม่เคยลืมเฮียแต๋ม
เมื่อไหร่ที่บิ๊กโจ๊กมีโอกาสเดินทางมาราชการที่ จังหวัดอุดรธานี ก็มักจะนัดพบกับเฮียแต๋มประจำ จึงไม่แปลกใจเลยที่บิ๊กโจ๊กและลูกน้องจะพักอยู่บ้านเฮียแต๋มที่กรุงเทพฯ เพราะเฮียแต๋มและบิ๊กโจ๊กรักกันเหมือนญาติพี่น้อง
อย่างเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา บิ๊กโจ๊ก และ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภริยา ก็ไปอุดรธานี เข้ากราบสักการะพระพุทธนรสีห์มหามุนี และกราบสักการะหลวงพ่อนาค พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และพระประธานที่หน้าอุโบสถ 1 วัน ก่อนจะโดนตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้าน
บ้านที่บิ๊กโจ๊กใช้เป็นสำนักงาน 5 หลัง จึงเกิดเป็นคำถามว่าผิดหรือไม่ เพราะบอกว่าจ่ายเดือนละ 50,000 บาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริงค่าเช่าหลังละไม่รู้กี่หมื่นบาท ถือว่าเข้าข่ายรับของขวัญเกิน 3,000 บาท ตามที่ ป.ป.ช. กำหนดไว้หรือไม่ และได้มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ด้วยหรือไม่
เรื่องนี้ทีมข่าวเจาะข้อมูลจากกรรมการ ป.ป.ช. บอกว่า หลักเกณฑ์การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่รัฐในตำแหน่งที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ป.ป.ช. กรณีการเช่าบ้านหรือที่พักอาศัยอยู่และจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน รวมทั้งการพักอาศัยอยู่กับญาติ หรือบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว และมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านหรือที่พักอาศัย ในกรณีนี้นักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่รัฐในตำแหน่งที่กำหนด "ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินในส่วนนี้"
วันนี้ต้องจับตา เฮียแต๋ม เพราะเจ้าตัวจะเปิดอก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบหมดเปลือก ถึงความสนิทสนมกับบิ๊กโจ๊ก ต้องรอติดตามว่าเจ้าตัวจะว่าอย่างไร โดยได้นัดหมายสื่อมวลชนในเวลาบ่ายโมง ที่สำนักงานทนายความ ตรงข้ามศาลอาญา
