บิ๊กโจ๊ก ตั้งทีม ทนายอนันต์ชัย เคลียร์ความบริสุทธิ์

View icon 56
วันที่ 28 ก.ย. 2566 | 04.10 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - "บิ๊กโจ๊ก" เปิดตัวทีมสู้กลับคดีเอาผิดตำรวจ 8 นาย ลูกน้องตัวเอง เกี่ยวพันเว็บฯ พนันออนไลน์ มอบหมาย ทนายอนันต์ชัย เข้ามาดูแลคดี ไม่ธรรมดาเปลี่ยนฉายาจาก "โจ๊กหวานเจี๊ยบ" กลายเป็น "โจ๊กอัคนี" แล้ว

ความเคลื่อนไหวนี้เริ่มต้นที่สโมสรตำรวจ หลังมีกระแสข่าวว่า พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเปิดตัวทีมทนายความเข้ามารับผิดชอบดูแลคดีให้ตัวเอง และ ลูกน้อง หลายคนก็ลุ้นว่าใครจะเข้ามาทำคดีนี้

จนกระทั่งประมาณ 10.30 น. วานนี้ นายอนันต์ชัย ไชยเดช เจ้าของฉายา "ทนายความกระดูกเหล็ก" ออกมาเปิดตัวว่า ตนเองจะเป็นทนายความรับดูแลคดีให้กับ "บิ๊กโจ๊ก" เอง เพราะเมื่อคืนได้คุยกันจนทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด

มองว่าเรื่องนี้ "บิ๊กโจ๊ก" ถูกกลั่นแกล้ง เห็นตรงกันว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีการค้นบ้าน ต้องมาค้นเอาตอนช่วงที่กำลังจะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ และมีชื่อของ "บิ๊กโจ๊ก" เป็นแคนดิเดต เรื่องนี้แบบนี้เชื่อว่าต่อให้เป็นเด็กอนุบาลก็ดูออก ส่วนตำรวจที่ไปค้นบ้าน ขอตั้งคำถามว่า ไม่ทราบจริง ๆ หรือว่า บ้านใคร สืบสวนสอบสวนอย่างไรถึงไม่ทราบว่าเป็นบ้านใคร จึงเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการดิสเครดิตชัดเจน หลังจากนี้ตนจะจับตามองทุกฝีก้าว เพื่อทำความจริงให้ปรากฎต่อสังคม

จากนั้น "บิ๊กโจ๊ก" ก็ตามมาร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย ยังคงยืนยันว่าการเข้าตรวจค้นบ้านที่ตนเองอาศัย และการออกหมายจับลูกน้องตนเอง ทำแบบมีพิรุธ เพราะเชื่อว่าหากศาลทราบว่า บ้านที่จะไปค้น เป็นบ้านนายตำรวจ จะไม่ออกหมายค้นให้ และการออกหมายจับข้าราชการตำรวจ ก็ควรต้องไปออกที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ใช่ศาลอาญากรุงเทพใต้

นอกจากนี้ย้ำว่าที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เป็นการต่อสู้ตามขั้นตอนปกติ ไม่ใช่การเอาคืนเหมือนที่สังคมกำลังจับตามอง ตนทำคดีมาเยอะ รู้เส้นทางการเงินหลายคดี หากต้องเปิดเผยทั้งหมด จะกระทบกับตำรวจหลายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ส่วนลูกน้องที่ถูกดำเนินคดี ได้พูดคุยกันแล้ว บางคนได้มาขอโทษที่ทำให้ตนเดือดร้อน ซึ่งก็ไม่ได้ตำหนิอะไร โดยตนได้ย้ำลูกน้องไปว่า ให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองอย่างลูกผู้ชาย ไม่ให้เอาคืน

พร้อมกันนี้ยังชี้แจงประเด็นเรื่องการให้เงินกับสื่อมวลชน ยืนยันว่าเป็นการให้ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน ไม่ใช่สินบน เปรียบเทียบกับที่สโมสรตำรวจมีข้าวกล่องเลี้ยงรับรองสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว ยืนยันว่าเงินที่ให้ไป ไม่ได้เกิดจากการถูกรีดไถ และสื่อมวลชนเองก็ปฏิเสธแล้วว่า ตนเองได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากสถานีมาแล้ว แต่เพราะรู้ว่าสื่อมวลชนเงินเดือนไม่มาก จึงอยากเลี้ยงอาหารตอบแทนที่มาติดตามทำข่าว ตามมาเหนื่อยด้วยกัน อีกทั้งเงินที่ให้ไปก็ไม่ได้มากมายอะไร เมื่อเทียบกับที่ต้องดูแลลูกน้อง และย้ำว่าเงินที่ให้ไปเป็นเงินถูกกฎหมายแน่นอน

ต่อมาช่วงเย็น "บิ๊กโจ๊ก" และตำรวจ 8 นาย ทีมงาน ทยอยไปหารือเรื่องการต่อสู้ทางคดีกับ ทนายอนันต์ชัย ที่สำนักงานทนายความ ก่อนที่ประมาณ 18.00 น. จะออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ว่าได้พูดคุยกันในเบื้องต้น ตำรวจทั้ง 8 นาย ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเว็บฯ พนัน ตามที่ถูกกล่าวหา

ส่วนกรณีความสัมพันธ์กับ "มินนี่" พันตำรวจเอก ภาคภูมิ พิสมัย เปิดใจยอมรับว่ารู้จักกับ มินนี่ จริง เพราะเมื่อปี 2563 ตนเองเคยเป็นผู้กำกับการอยู่ที่จังหวัดเลย และมารดาของ มินนี่ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น จึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันอยู่ประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน ก่อนจะมาพูดคุยกันอีกทีเมื่อต้นปีนี้ และทราบข่าวเรื่องที่ถูกจับกุม แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เรื่องความสัมพันธ์ของตนเองกับ มินนี่ ไม่ขอพูดถึง เพราะต้องให้เกียรติฝ่ายหญิง ส่วนเรื่องภาพถ่ายงานเลี้ยงต่าง ๆ เป็นเรื่องปกติหากมีคนมาขอถ่ายภาพด้วย และไม่ทราบมาก่อนเรื่องที่เจ้าตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจเว็บฯ พนันออนไลน์ รู้สึกเสียใจที่ต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

ทนายอนันต์ชัย สรุปว่า ตนจะรับดูแลคดีของตำรวจทุกนาย ส่วนจะฟ้องกลับอย่างไร จะขอดูรายละเอียดของแต่ละคนก่อน ยืนยันว่าไม่หนักใจ พร้อมกันนี้ยังฝากสื่อมวลชนให้จับตาดูความเคลื่อนไหวสัปดาห์หน้า จะมี "บิ๊กเซอร์ไพรซ์" เกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะมีการยื่นฟ้องใครหรือไม่ พร้อมกับพูดติดตลกด้วยว่า ตอนนี้ต้องเรียก "โจ๊กอัคนี" แล้ว ไม่ใช่ "โจ๊กหวานเจี๊ยบ" อีกต่อไป

อีกด้านหนึ่งต้องไปฟังความเห็นจาก พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พูดถึงทั้งเรื่องการดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 8 นาย และการเข้าค้นบ้านพักของ บิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่า ชุดสืบสวนและสอบสวนดำเนินการเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมาย มั่นใจว่าทำหน้าที่ถูกต้อง และคดีเว็บฯ พนันออนไลน์ ก็ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ แต่ทำต่อเนื่องมานานจนมีพยานหลักฐานค่อนข้างรัดกุมชัดเจน

ส่วนเรื่องการออกหมายจับตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ไม่มีการระบุยศข้าราชการ ยังคงยืนยันคำตอบเดิม ว่าได้ให้การต่อศาลแล้วว่า บุคคลที่จะออกหมายจับมีหน้าที่อะไร ไม่ได้มีการปิดบัง และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ใช้คำว่า "นาย" แทนยศข้าราชการตำรวจ

ส่วนความคืบหน้าทางคดี คณะทำงานอยู่ระหว่างการขยายผลต่อจากกลุ่มผู้ต้องหา เรื่องการเรียก "เฮียแต๋ม" และภรรยาเข้าให้การ ให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน โดยยอมรับไม่รู้ว่ามีคนในครอบครัวของ "เฮียแต๋ม" อยู่ในชุดทำงานของ "บิ๊กโจ๊ก" ด้วยหรือไม่ ส่วนการสอบปากคำตำรวจทั้ง 8 นาย พบว่า ให้การไม่เป็นประโยชน์และได้ปฏิเสธทุกข้อหา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนที่จะต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริงกันต่อ

สำหรับกรณีของสื่อมวลชน ให้มองกลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มของพลเรือน ซึ่งบางคนต้องเรียกมาสอบสวนในฐานะที่มีเส้นทางการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของกลุ่มผู้ต้องหา ส่วนที่รับเงินตรงจากบัญชีอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ถือว่าไม่เป็นความผิด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง