DSI เห็นควรสั่งฟ้อง แม่มณีพร้อมพวกรวม 31 คน ชวนลงทุนแชร์ลูกโซ่ เสียหายกว่า 227 ล้านบาท นำตัวส่งอัยการ

DSI เห็นควรสั่งฟ้อง แม่มณีพร้อมพวกรวม 31 คน ชวนลงทุนแชร์ลูกโซ่ เสียหายกว่า 227 ล้านบาท นำตัวส่งอัยการ

View icon 74
วันที่ 28 ก.ย. 2566 | 10.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ดีเอสไอ เห็นควรสั่งฟ้อง แม่มณีพร้อมพวกรวม 31 คน ชวนลงทุนแชร์ลูกโซ่แม่มณี เสียหายกว่า 227 ล้านบาท นำสำนวน 133 แฟ้ม จำนวน 50,857 แผ่น พร้อมผู้ต้องหาส่งอัยการ

วันนี้ (28 ก.ย.66) พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้มอบหมายให้ นางนันท์นภัส เกยุราพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนคดีแชร์แม่มณี จำนวน 133 แฟ้ม จำนวน 50,857 แผ่น พร้อมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

คดีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยทางคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาจำนวน 31 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มาตรา 12 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 และขอให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้เรียกทรัพย์สินและเงินต้นหรือราคาแทนผู้เสียหาย จากผู้ต้องหาทั้ง 31 คน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 9

สำหรับคดีดังกล่าว กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวน น.ส.วันทนีย์ หรือ แม่มณี กับพวกรวม 31 คน ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นด้วยการโฆษณาในสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ชื่อ “มณีรัตน์ สุรางค์มธุรสธรรมสว่างกุล”  “Nadear Wanthanee” “มั่งมี ศรีสุข บารมี เพิ่มพูน” และ “ฝากยอดต่ออนาคต” โดยการโพสต์ข้อความและถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊กว่ารับฝากเงิน ออมเงิน วงละ 1,000 บาท ตกลงจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 93 ต่อเดือนของเงินลงทุน ระยะเวลาฝาก 1 เดือน จ่ายคืนทั้งต้นและดอก โดยมีรูปแบบการลงทุน คือ ชักชวนให้นำเงินมาออมไว้กับแม่มณี เสนอให้ผลตอบแทน 93 เปอร์เซ็นต์ เมื่อครบกำหนด 1 เดือน

นอกจากนี้ยังมีการประกาศให้ลงทุนและให้ผลตอบแทนอีกหลายอัตรา ซึ่งคิดผลตอบแทนที่เสนอให้เป็นอัตราตั้งแต่ร้อยละ 1,116 บาท จนถึง 3,040.45 บาทต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ทั้งหมดกระทำไปเพื่อจูงใจให้ประชาชนเกิดความสนใจและมีความมั่นใจในการนำเงินมาร่วมลงทุนกับพวกตนเอง โดยกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้นำเงินลงทุนไปใช้ในการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะนำรายได้ตามที่ได้ประกาศไปมาจ่ายให้กับผู้ลงทุนได้ แต่ทำไปเพื่อนำเงินของผู้อลงทุนรายใหม่ ๆ และรายเก่า ๆ ที่ลงทุนซ้ำมาหมุนเวียนจ่ายให้กับผู้ลงทุนรายก่อน ๆ หรือผู้ลงทุนรายปัจจุบันที่ครบกำหนดรับเงินปันผลและเงินลงทุนคืนในแต่ละวัน โดยการชักชวนนี้ทำให้ประชาชนหลายพันคน รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนในคดีนี้จำนวน 1,133 คน หลงเชื่อส่งมอบเงินลงทุนไปยังกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ทำให้ประชาชนทั่วไป สูญเสียเงินที่ลงทุนไปและได้รับความเสียหายเท่าจำนวนที่ไม่ได้รับกลับ จำนวน 227,452,365.05 บาท (สองร้อยยี่สิบเจ็ดล้านสี่แสนห้าหมื่นสองพันสามร้อยหกสิบห้าบาทห้าสตางค์)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง