สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - หลังเกิดเหตุเด็กชายอายุ 14 ปี กราดยิงคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปถึง 2 คน บาดเจ็บอีก 3 คน ก็ทำให้รัฐบาลออกมาตรการคุมเข้มทั้งเรื่องอาวุธปืน และแบลงก์กัน เพื่อป้องกันเหตุร้ายแรงซ้ำซาก แต่ในการล้อมคอกแบบออกกติกาเหมารวม ก็ทำให้คนในแวดวงเล่นปืน หรือชื่นชอบการฝึกซ้อมยิงปืน รวมถึงอุตสาหกรรมการแสดง ที่ยังต้องใช้แบลงก์กันประกอบฉาก ออกมาสะท้อนความเห็นกันหลากหลายเลยทีเดียว
ชาวเน็ตโวย กฎเข้มสนามยิงปืน ต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้า
ก่อนจะไปดูเสียงวิจารณ์ มาย้อนดูกันหน่อยว่าเขาคลอดกฎเหล็กอะไรออกมาบ้าง ก็มีทั้งหมด 8 แนวทาง อาทิ งดการออกใบอนุญาตสั่งนำเข้าอาวุธปืน และสิ่งเทียมปืน ไม่อนุญาตให้รายใหม่สั่งนำเข้าเพิ่ม สั่งขึ้นทะเบียนแบลงก์กัน, บีบีกัน และสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด รวมทั้งสั่งการกีฬาแห่งประเทศไทย ตรวจสอบสนามกีฬายิงปืนที่จดทะเบียนถูกต้อง ห้ามผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าสนามยิงปืน เว้นแต่เป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติ, ห้ามนำกระสุนปืนออกจากสนามซ้อม ส่วนอาวุธปืนของส่วนราชการ ห้ามเก็บปืนไว้ที่บ้านพัก, งดการออกไปอนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัว และนโยบายปืนสวัสดิการ ออกให้เพียงข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพียงคนละหนึ่งกระบอกเท่านั้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ กระทรวงมหาดไทย ร่อนหนังสือคำสั่งด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติที่ได้บอกคุณผู้ชมไปแล้ว เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่ประชาชน และเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่ผ่านมาอีก
ชวนคุณผู้ชมโฟกัสบางข้อที่มีคนออกมาตั้งข้อสังเกต เริ่มจากเรื่องสนามยิงปืนก่อนเลย กติกาเดิมจะห้ามผู้ที่อายุไม่ถึง 18 ปีเข้าสนาม ถ้าเข้าต้องมีผู้ปกครองติดตามไปด้วย แต่ของใหม่ที่วางแนวทางออกมา เรียกว่าเข้มเลย เพราะขยับอายุขึ้นไปอีก 2 ปี คือ ห้ามผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นเป็นนักกีฬายิงปืนทีมชาติ
กฎเข้มขนาดนี้ ทำให้หลายคนออกอาการขมคอ ทนไม่ไหวต้องแสดงความเห็นผ่านโลกออนไลน์เลย โดยในแพลตฟอร์ม มีผู้ใช้บริการรายหนึ่งเข้าไประบายอารมณ์ว่า นั่งเถียงกับพ่อ ต่ำกว่า 20 เข้าไม่ได้ เป็นสมาชิกสนามนี้ตั้งแต่มัธยม จนจบต่ออายุทุกปี ตั้งแต่ ม.4 จนจบมหาวิทยาลัย ก็เข้ามาตั้งแต่เด็ก เถียงจนชนะแล้ว มาเจอข่าว สนามบอกต่ำกว่า 20 ปี เข้าสนามไม่ได้ แล้วในรูปนี้ เด็กแก่หรือไง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องทะเลาะกับพ่อต่ออีก
ผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม X รายนี้ ยังนำโพสต์เก่าของสนามยิงปืนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน หรือ รด. ที่ถูกระบุว่าเป็นสถานที่ซ้อมความแม่นยำก่อนก่อเหตุมาประกอบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสนามยิงปืนแห่งนี้ อนุญาตให้เด็ก เยาวชนเข้าไปฝึกซ้อมได้ โดยจากภาพก็จะมีครูฝึกคอยประกบอยู่ ใส่ข้อความแบบยินดีต้อนรับเลย ระบุ "เด็กคืออนาคตของชาติ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคืออนาคตของเรา สนามยิงปืนเปิดปกติ ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ"
ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมอง สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปร่วมกระทำความผิดอะไรกับใครเลย แต่ภาครัฐก็มีความจำเป็นต้องออกมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น
ขณะที่ทางกองทัพบก ก็นั่งไม่ติดเหมือนกัน สั่งให้มีการตรวจสอบข้อมูลที่มีภาพผู้ต้องหาไปซ้อมยิงปืน ในสนามยิงปืนของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน โดยระเบียบของสนามยิงปืนแห่งนี้ อนุญาตให้สมาชิกสามารถนำบุคคลอื่นที่สมาชิกรับรอง มาใช้บริการที่สนามยิงปืนได้ และต้องปฏิบัติตามกฎของสนามยิงปืนอย่างเคร่งครัด จากการตรวจสอบรายชื่อสมาชิก พบว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นสมาชิกของสนามยิงปืน จึงสันนิษฐานว่ามีสมาชิกคนอื่นพาเข้ามา รวมถึงเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงวจรปิดย้อนหลัง จนถึงวันที่มีข้อมูลบันทึกไว้เป็นเวลา 10 วัน ไม่พบภาพของผู้ต้องหาดังกล่าว
โดยปัจจุบัน ทางหน่วยกำลังตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ในสนามยิงปืนทั้งหมด เพื่อรวบรวมข้อมูลการเข้าใช้สนามยิงปืนของผู้ต้องหาดังกล่าว ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุม แบลงก์กัน กระทบละคร-กองถ่าย
ส่วนกรณีห้ามนำเข้าแบลงก์กัน บีบีกัน และสิ่งเทียมอาวุธปืนทุกชนิด วงการละคร ภาพยนตร์ในบ้านเรา ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน เพราะละครแอกชันหลายเรื่องต้องมีพร็อปส์ปืน ก็คือ แบลงก์กัน ไว้ใช้ประกอบการถ่าย
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ คุณโอริเวอร์ บีเวอร์ ผู้จัดละครและภาพยนตร์ บอกว่า ผลกระทบจากการห้ามนำเข้าแบลงก์กัน ไม่ค่อยน่าห่วง แต่การที่ทางราชการห้ามนำเข้ากระสุนปืนแบลงก์กัน ถ้าแบลงก์กันไม่มีกระสุน ก็ไม่สามารถสร้างเอฟเฟกต์ในการแสดงได้ ไม่มีแสง ไม่มีเสียง แล้วไม่ใช่แค่ละคร หรือภาพยนตร์ไทยที่ได้รับผลกระทบ รัฐอาจสูญเสียรายได้จากกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาใช้สถานที่ถ่ายทำในไทย แล้วต้องมาใช้บริการเช่าพร็อปส์ประกอบการแสดงด้วย
ทั้งนี้ จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบตัวเลขคดีที่ใช้แบลงก์กันก่อเหตุทั่วประเทศ ในปี พ.ศ.2563 กว่า 200 คดี, ปี 2564 ประมาณ 800 คดี, ปี 2565 กว่า 1,000 คดี และปี 2566 จนถึงปัจจุบัน หรือประมาณ 10 เดือน พบว่ามีคดีที่ใช้ในการก่อเหตุแล้วกว่า 700 คดี ซึ่งพบว่าอัตราการใช้แบลงก์กันก่อเหตุ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี