ผู้ปกครองพาลูกสาว ม.5 ขึ้นโรงพัก หลังครูพละหื่น วิดีโอคอลสไลด์หนอนให้ลูกดู คาใจฝ่ายปกครองสั่งลบรูป ห้ามบอกผู้ปกครอง เชื่อยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่โดน หวั่นเกิดเหตุการณ์รุนแรงกว่านี้
โดยเรื่องราวครูพละหื่น สไลด์หนอนโชว์รายนี้ ได้รับการเปิดเผยมาจากผู้ปกครองรายหนึ่ง ที่แจ้งมายังผู้สื่อข่าวว่า ลูกสาว ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ถูกครูผู้ชายซึ่งเป็นครูสอนวิชาพละ กระทำอนาจารโดยการโทรวิดีโอคอลมาหาลูกพร้อมกับช่วยตัวเองโชว์ ซึ่งเหตุเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 66 ที่ผ่านมา แต่ลูกสาวไม่กล้าบอกผู้ปกครอง
เนื่องจากไปแจ้งกับฝ่ายปกครองของโรงเรียน และครูฝ่ายปกครองให้เด็กนักเรียนลบรูปและคลิปที่มี รวมไปถึงสั่งห้ามบอกผู้ปกครอง แต่เรื่องมาแดงขึ้นเพราะผู้ปกครองไปเปิดโทรศัพท์ลูกดู และพบว่าลูกมีการเซฟรูปภาพ ที่แคปหน้าจอตอนที่ครูพละหื่น ก่อเหตุดังกล่าว
จากนั้น ได้สอบถามจนทราบว่าครูพละหื่นรายนี้ ทำแบบนี้หลายครั้งแต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ เนื่องจากกลัวว่าจะมีผลกับการเรียนและตั้งใจจะบอกตอนที่เรียนจบ ม.6 พอทราบเรื่องจึงพาเข้าแจ้งความ และเดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด โดยมีรอง ผอ.เป็นคนรับเรื่องและยืนยันว่าจะตั้งกรรมการสอบเรื่องดังกล่าว
ด้านแม่ของเด็ก เผยว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ที่ตนเองไว้ใจในการส่งลูกไปเรียน จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งที่คาใจคือทำไมฝ่ายปกครองจึงไม่โทรบอกผู้ปกครองตั้งแต่ที่ลูกไปแจ้งเรื่องให้รู้ และยังบอกให้ลูกตนลบรูปลบวิดีโอออก กำชับไม่ต้องบอกผู้ปกครอง แบบนี้จะยังไว้ใจครูโรงเรียนได้หรือไม่
"การตั้งกรรมการสอบและย้ายครูที่ก่อเหตุไปอยู่ที่อื่น หากยังคงเป็นข้าราชการครูอยู่ ก็มีโอกาสทำแบบนี้กับเด็กนักเรียนคนอื่นอีก เพราะตอนนี้ที่รู้มีเพียงลูกสาวตนและเพื่อนอีก 1 คน ที่โดนในลักษณะเดียวกัน เป็นไปได้ลาออกจากข้าราชการครูเถอะ"
ขณะที่ นักเรียนหญิง ชั้นม.5 ผู้เสียหายที่ถูกครูพละหื่น วิดีโอคอลมา บอกว่า ตอนนั้นตกใจ ไม่ได้มีการแคปรูปภาพไว้ พอเหตุการณ์เกิดอีกครั้งในเดือนต่อมา ตอนนั้นยังตั้งสติไม่ได้ จนกระทั่งเดือน มิ.ย. ครูพละหื่นคนดังกล่าว ยังคงวิดีโอคอลมาเช่นเคย ครั้งนี้ตั้งสติได้จึงแคปรูปภาพไว้ แต่ได้ไปแจ้งกับครูฝ่ายปกครองตั้งแต่แรก ครูให้ลบรูปภาพและถามว่าผู้ปกครองทราบเรื่องแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ต้องบอกผู้ปกครอง แล้วฝ่ายปกครองจะเป็นคนจัดการเรื่องดังกล่าวเอง ตนจึงวางใจ
ประกอบกับความกลัวในเรื่องของผลการเรียนที่จะได้รับผลกระทบ จึงไม่ได้บอกผู้ปกครอง แต่มีการเตือนเพื่อนๆ ด้วยกันให้ระมัดระวัง เนื่องจากเคยมีอยู่วันหนึ่ง ครูได้โทรตามให้ไปเอาเอกสารที่ห้อง ตนพาเพื่อนไปด้วยเลยไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่ถ้าหากเปิดเทอมไป ตนยังเจอครูคนนี้อีก ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเพื่อนอีกคนทำเรื่องย้ายโรงเรียนไปแล้ว