เผยสาเหตุ ทำไมช้างป่าเขาใหญ่ งาหักทุกปี

เผยสาเหตุ ทำไมช้างป่าเขาใหญ่ งาหักทุกปี

View icon 802
วันที่ 12 พ.ย. 2566 | 19.35 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งเร่งแก้ไขดินโป่ง หลังพบสาเหตุ ช้างป่าเขาใหญ่ งาหักทุกปี หมอล็อตชี้ใช้เขาใหญ่นำร่องทั่วประเทศ

ช้างป่าเขาใหญ่ วันนี้(12 พ.ย.2566) นายอรรถพล เจริญชัยษา อธิบดีกรมอุทยานแห่าติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางมายังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อตรวจสอบโป่งดิน ก่อนเปิดเผยถึงผลการวิเคราะห์งาช้าง กรณีช้างป่าต่อสู่กันจนงาหัก

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เกิดเหตุการณ์ศึกช้างป่าพลายทองคำปะทะพลายงาทอง ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณถนนหมายเลข 3077 ช่วง กม. 32 ฝั่งเส้นทางออกจากอุทยานฯ จ.ปราจีนบุรี พบว่า งาช้างของพลายทองคำด้านขวาหักเป็นสองท่อน ท่อนแรกจากปลายงาถึงกลางงา และท่อนที่สองหักถึงโคนงา ส่วนงาช้างด้านซ้ายหักช่วงปลายงา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้นำตัวอย่าง
งาช้างพลายทองคำมาตรวจวิเคราะห์ ณ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) จ.นครราชสีมา เพื่อทำการเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพ และพฤติกรรมของช้างและสัตว์ป่าอื่น ๆ โดยการตรวจสอบงาช้างด้วยเทคนิคแสงซินโครตรอนซึ่งสามารถวิเคราะห์โครงสร้างและคุณสมบัติของงาช้างได้ในระดับอะตอม และเทคนิคอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังได้นำตัวอย่างดินโป่งจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จ.เลย และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวจ.ชัยภูมิ มาวิเคราะห์ร่วมด้วย ซึ่งผลที่ได้อาจมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพของช้างและสัตว์ป่า ผลจากการวิเคราะห์ งาช้างพลายทองคำ พบว่า อัตราส่วนโดยหมดของธาตุแคลเซียม มีไม่เกิน 1.76 ส่วนต่อฟอสฟอรัส 1 ส่วน ซึ่งน้อยกว่าที่อ้างอิงในตัวอย่างช้างเอเชีย และพบว่าในดินโป่งมีธาตุแคลเซียมอยู่ในปริมาณน้อย

นสพ.ภัทรพล มณีอ่อน หรือ หมอล็อต หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ กล่าวว่า สาเหตุที่ช้างงา หัก หรืองาผุและเปราะ เกิดขึ้นเพราะความสมดุล ระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสไม่เหมาะสม โดยมาตรฐานช้างเอเชียจะมีอัตราส่วนระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่ระหว่าง 2 ต่อ 1 จะจัดการตรวจ งาจำกัดหรืองาที่หักออกมาจากช้างป่าเขาใหญ่ กลับพบแคลเซียมอยู่เพียง 1.76 ส่วนต่อธาตุฟอสฟอรัส 1 ส่วน ซึ่งปกติช้างเวลาสู้กันเพื่อวัดพลังกัน มันชนกันครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าใครเหนือกว่าใครก็จะแยกและถอย เพราะช้างเป็นสัตว์ที่หวงงาและหาง ผลที่ตามมาก็คือปัญหาเรื่องของโพรงงาที่อักเสบ และช้างยังเป็นตัวเปิดโป่งให้สัตว์ชนิดอื่น ก็ทำให้เก้ง กวาง กระทิง มีโอกาสกินโป่งได้น้อย เมื่อแหล่งอาหารไม่เหมาะสม เขาจะพยายามหาแหล่งแร่ธาตุ เราจึงเห็นช้าง คุ้ยขยะกินอยู่บ่อยครั้ง เพราะตามห่อขนมจะมีโซเดียมคลอไรด์โชยกลิ่นไปถึงช้าง จึงมีความเสี่ยงที่ช้างจะมีอาหารอุดตันในกระเพาะ จากการกินถุงพลาสติก

ทั้งนี้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กำชับให้ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ อาหาร ดินโป่งให้กับช้างและสัตว์ป่า เพื่อให้หากินอยู่ในพื้นที่ป่าซึ่งมีความปลอดภัยต่อสัตว์ป่า โดยไม่ไปรบกวนประชาชนที่อยู่รอบนอก เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป ฝนตกลงมาบ่อยครั้งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ดินโป่งเสียสมดุลของแร่ธาตุ เมื่อศึกษาวิเคราะห์จึงพบว่าแคลเซียมที่อยู่ในดินโป่งนั้น ละลายไปกับน้ำ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถือเป็นที่แรก ที่นำร่อง ปรับสูตรการเสริมแร่ธาตุในดินโป่ง ซึ่งจากสถิติ ของเขาใหญ่พบว่า ช้างจาก 6 ใน 9 ตัว เคยมีงา 2 ข้าง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงข้างเดียว ส่วนอีก 3 ตัวเคยมีงาข้างเดียวแต่ปัจจุบันหายไปแล้วทั้งหมด

นสพ.ภัทรพล มณีอ่อน กล่าวอีกว่า ตอนนี้กรุมอุทยานฯ ปรับสูตรการเสริมแร่ธาตุในดินโป่ง โดยเสริมเอาผงแคลเซียมร่วมกับก้อนแร่ธาตุของกรมปศุสัตว์ โดยจะใช้ผงไดแคลเซียมในอัตราส่วน 20-40% ถือว่าเสริมและแก้ไขได้ถูกจุด ส่วนการใช้เกลือแกงเพื่อดึงดูดกลิ่นเท่านั้น และเสริมกับก้อนแคลเซียมปศุสัตว์ ถือเป็นการเสริมโป่งกึงสำเร็จรูป

ทั้งนี้ นายอรรถพล อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า ช้างเริ่มสร้างผลกระทบต่อประชาชน ตอนนี้อยู่ระหว่างสำรวจพื้นที่และจัดทำการปรับพฤติกรรมช้างเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ถือเป็นนโยบายที่รัฐมนตรีให้ความสำคัญและสั่งการมายังกรมอุทยานฯ ให้เร่งแก้ไข

ข่าวที่เกี่ยวข้อง