สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้มีวาทกรรมแก้จนจากคนการเมืองอย่าง เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกเสียงดัง ๆ ตั้งใจแก้จนให้คนไทย เริ่มจากชาตินี้ไปจนถึงชาติหน้าเลย
ย้อนวาทกรรมแก้จน ของคนการเมือง
ก็เรียกว่าเป้าหมายยาวมาก จากชาตินี้ ไปถึงชาติหน้า แต่ถ้าย้อนไปดู แต่ละรัฐบาลพูดเรื่องการแก้ปัญหาความยากจนมาทุกยุค
ในยุคนายทักษิณ เคยประกาศไว้ในงานเหลียวหลังแลหน้า จากรากหญ้าสู่รากแก้ว ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2547 แสดงความมั่นใจ ต้องไม่มีคนจนเหลืออยู่ในประเทศไทยภายใต้การบริหารของพรรคไทยรักไทย
ที่หวือหวาหน่อย และผู้คนยังจดจำกันได้ "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เคยประกาศไว้ว่า "ถ้าแก้ปัญหาความยากจนให้คนอีสานไม่ได้ จะไปกระโดดแม่น้ำโขง" ผ่านมาหลายสิบปี พลเอก ชวลิต ยังไม่ได้กระโดดแม่น้ำโขง และคนอีสานก็ยังไม่หายจน
ส่วนรัฐบาลลุงตู่ มี 2 ช่วง ให้จดจำคือ พฤศจิกายน 2560 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ในขณะนั้น ตั้งเป้าหมายคนไทยหายจนภายใน 1 ปี จากนั้นก็มีการทำคลอดนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกมา ก่อนที่คำพูดที่มีการตั้งเป้าหมายให้คนไทยหายจนไปภายในปี 2561 จะถูกลืมเลือนไป
ก่อนที่การแก้ปัญหาความยากจนในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะกลับมาอยู่ในความสนใจของประชาชนอีกครั้ง กับคำแถลงของ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ที่ระบุว่า รัฐบาลขีดเส้นแก้ปัญหาความยากจนจะต้องหมดไปภายในวันที่ 30 กันยายนปีที่แล้ว
อนุทิน ชี้ แก้จนเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้-ชาติหน้า
เปลี่ยนผ่านมาเป็นรัฐบาลเศรษฐา ที่ขายฝันไว้ตอนหาเสียงด้วยคำคล้องจองที่ว่า "นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี" โดยหลังเข้าบริหารประเทศมา 2 เดือนเศษ หลายคนบอกว่ายังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเชิงโครงสร้าง นอกจากการลดค่าครองชีพ แบบมีวันหมดอายุ ซึ่งส่วนใหญ่โพรโมชันเหล่านี้ จะจบสิ้นปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นลดราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ไปจนถึงค่ารถไฟฟ้าตลอดสาย 20 บาท ได้เฉพาะสีแดงและสีม่วง กระทั่งมาถึงคำพูดล่าสุดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่บอกแบบท้อใจว่า ความยากจนอาจต้องแก้ยาวไปถึงชาติหน้าเลย