เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีคนร้ายยิง "น้องหยอด" นักศึกษาอุเทนถวาย และ "ครูเจี๊ยบ" เสียชีวิต ตำรวจสืบสวนพบเรื่องน่าตกใจว่า ผู้ก่อเหตุรวมตัวกันเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก ล่าสุดจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ 8 ราย
บุกจับมือยิง นศ.อุเทนฯ ขู่อย่าขัดขืน ระวังได้เกิดใหม่
นี่เป็นภาพเหตุการณ์ขณะตำรวจชุดสืบสวนนครบาล และตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เข้าจับกุม นายพฤฒิพล ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ร่วมกันก่อเหตุยิง นายธนสรณ์ หรือ น้องหยอด นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล กระสุนยังพลาดไปถูกนางสาวศิรดา สินประเสริฐ หรือ ครูเจี๊ยบ ครูโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ตำรวจแกะรอยหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุ จนนำมาสู่ปฏิบัติการ "ปิดเมืองกรุง ล่ามือปืน" ที่เริ่มขึ้นเมื่อคืนวันที่ 21 พฤศจิกายน ต่อเนื่องมาจนถึงเช้าเมื่อวานนี้ มีการปิดล้อมเป้าหมายย่านปทุมวัน 5 จุด ที่สงสัยว่าเป็นที่ซ่องสุมและที่พักของผู้ก่อเหตุ ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 ราย นำตัวมาสอบสวนขยายผลที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
เผยผู้ก่อเหตุรวมตัวสร้างองค์กรเถื่อน
พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ยังไม่มีใครยอมรับสารภาพว่าเป็นคนยิง ตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์หาความชัดเจนว่า ใครคือมือปืนที่ลงมือก่อเหตุ
ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้ เชื่อมโยงกับคดีเก่าช่วงต้นปี 2566 ที่ยิงปืนใส่นักเรียนต่างสถาบัน และที่สำคัญยังพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้ทำงาน แต่มีแกนนำสร้างกลุ่มตามความเชื่อ และเช่าที่พักอาศัยอยู่ร่วมกัน หาแนวร่วมสร้างโลกเสมือนจริง สร้างแรงฮึกเหิมปลุกใจในกลุ่ม ด้วยการนำรูปผู้เสียชีวิตต่างสถาบันมาติดไว้ในที่ซ่องสุม และพบว่ามีการถอดรูปแบบการก่อเหตุแต่ละครั้ง เพื่อพัฒนาการลงมือและการหลบหนี โดยพบว่าเมื่อยิงเสร็จ จะมีคนขับรถยนต์ มาขนรถจักรยานยนต์ขึ้นรถ แล้วหลบหนีไป
ตรวจสอบรถแก๊งยิง นศ.อุเทนฯ จอดข้างถนน พบตั้งกลุ่มลับสมาชิก 84 คน
ต่อมาชาวบ้านไปพบรถยนต์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ถูกนำไปจอดอำพรางไว้ที่ริมถนนสายหนึ่งใน อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ซึ่งนอกจากรถกระบะคันนี้ ตำรวจก็ยังตามแกะรอยหารถจักรยานยนต์สีแดงที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งพบว่า ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และนำออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบหาสถานที่ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้เปลี่ยนสีรถ
พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าลักษณะของผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก มีมาชิกประมาณ 84 คน ติดต่อกันผ่านทางกลุ่มลับในโซเชียลมีเดีย จากการตรวจสอบแชตสนทนาในกลุ่มลับ พบข้อความที่รุ่นพี่แสดงความยินดีกับรุ่นน้อง ที่ไปก่อเหตุความรุนแรง ส่วนรถกระบะที่พบ ตรงตามเบาะแสของเจ้าหน้าที่ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุใช้รถคันนี้รับส่งผู้ร่วมขบวนการทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ ซึ่งจะยึดไว้ตรวจสอบขยายผลต่อไป
ขยายความจากข้อมูลของ "บิ๊กจ๋อ" เพิ่มเติม กล่าวคือ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า แก๊งดังกล่าวมีการพัฒนาเป็น "องค์กรอาชญากรรม" ที่แข็งแกร่ง มีการทำงานที่ซับซ้อน เพราะไม่ใช่แค่ขี่รถมาก่อเหตุ แต่มีการวางแผนร่วมกันนับ 10 คน ยิ่งกว่าในภาพยนตร์ มีรุ่นพี่ผู้ผ่านประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง พร้อมกับมีกองทุนเพื่อจัดหาอุปกรณ์ก่อเหตุ รวมถึงมีกองทุนไว้สำหรับการประกันตัว หรือ จ้างทนายมาต่อสู้คดี ซึ่งเป็นเงินที่ลงขันจากทุนสีเทาของสมาชิก และที่เลวร้ายที่สุด คือ หากมีคนในกลุ่มถูกจับได้ เมื่อถึงชั้นเบิกความจะตามพรรคพวกมานั่งฟังการไต่สวน เพื่อเอาข้อมูลไปพัฒนารูปแบบการก่อเหตุ
คุมตัวผู้ก่อเหตุ ส่งห้องขัง พร้อมแจ้งข้อหาหนัก
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย หลังจากที่ถูกสอบปากคำมาตลอดทั้งวัน ช่วงค่ำที่ผ่านมา ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหา 6 ราย ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันสบคบกันตั้งแต่ 5 คน กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด หรือ "ซ่องโจร"
ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ประกอบด้วย นายพฤฒิพล ราชญาณ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน
นายวรงชัย กัณฑ์ศรี อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ร่วมกันสบคบกันตั้งแต่ 5 คน กระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด หรือ "ซ่องโจร" ถูกนำตัวส่ง สน.ทุ่งมหาเมฆ
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน เป็นรายที่ 9 แต่ขณะที่ตำรวจเข้าจับกุม ปรากฎว่าผู้ต้องหารายนี้เกิดอาการช็อก ต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน รอให้อาการดีขึ้นตำรวจก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป