สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - จับตาโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท กฤษฎีกาจะได้รับมาพิจารณาในข้อกฎหมายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ หลังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะเรียบร้อย ลุ้นกลุ่มคนที่จะได้ 10,000 บาท จะเหลือกี่คน หลังประธานหอการค้าไทย แนะให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง จะได้ไม่ต้องออก พ.ร.บ.เงินกู้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 5 แสนล้านบาท สำหรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าสัปดาห์หน้าจะมาตอบให้ชัด ๆ แต่จะส่งให้กฤษฎีกาดูในข้อกฎหมายในสัปดาห์หน้าด้วยหรือไม่ บอกเพียงสั้น ๆ ว่าน่าจะเรียบร้อย ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไปพบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ส่วนประเด็นที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาระบุว่าถูกต่อว่าเรื่องทำงานล่าช้า ในการพิจารณาข้อกฎหมาย พ.ร.บ.เงินกู้ ในขณะที่กฤษฎีกายังไม่ได้รับเรื่องนั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาขอโทษที่ให้สัมภาษณ์ว่า กฤษฎีกาทราบแล้ว เพราะเห็นว่าในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลชุดใหญ่ มีคณะกรรมการกฤษฎีกานั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย และไม่ได้คัดค้าน เพียงแต่บอกว่าถ้ายังมีความไม่ชัดเจนหรือความไม่สบายใจต้องรับผิดชอบร่วมกัน และจะเป็นผู้อาสาไปดูข้อกฎหมาย
และด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างไรนั้น ป.ป.ช. มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง ยังอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลทั้งหมด ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ด้านการเศรษฐกิจ อาจทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการรวมรวบข้อมูล เนื่องจากมีผลกระทบในเรื่องของงบประมาณ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่หาข้อมูลอย่างรอบด้าน และมีการเก็บข้อมูลหลักฐานเสียงนายกรัฐมนตรีที่ที่แถลงนโยบาย และโยงกับนโยบายการหาเสียง ว่าต้องพิจารณาประกอบกัน อาจต้องขอข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ความเห็นทางกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยอมรับโครงการนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง และอยากให้กำลังใจรัฐบาลให้สามารถจัดสรรเงินให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด หลังจากที่จัดสัมนาหอการค้าทั่วประเทศ พบว่า SMEs แต่ละภาคค่อนข้างเดือดร้อน ประชาชนต้องการเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอย ไทยมีกลุ่มเปราะบาง 14-15 ล้านคน โดยจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง หากทำได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายที่อยากจะช่วย ที่ไม่จำเป็นต้องออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้