ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แม่โพสต์เฟซบุ๊กเป็นอุทาหรณ์ หลังพาลูกอายุเพียง 1 เดือน ไปฝากเลี้ยง แต่พี่เลี้ยงใช้กระดาษทิชชูเปียกผิดประเภทเช็ดก้นน้อง จนป่วยเป็นเชื้อราบริเวณง่ามขาและอวัยวะเพศ แถมก้นก็เป็นฝี
นี่เป็นสภาพบริเวณก้นและง่ามขาของเด็กชายอายุ 1 เดือน หลังมีอาการติดเชื้อจนแดง ผิวลอกเป็นปื้น ๆ โดยภาพนี้แม่ของเด็กชายนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก หลังพาไปฝากพี่เลี้ยงได้เพียง 2 วัน
ผู้สื่อข่าวไปพูดคุยกับแม่ของเด็กชาย เล่าว่า ตนเองเพิ่งคลอดลูก แต่ต้องไปทำงาน จึงหาสถานที่รับเลี้ยงเด็ก กระทั่งไปเจอหญิงคนหนึ่งโพสต์รับเลี้ยงเด็ก จากนั้นได้พูดคุยและไปดูสถานที่รับเลี้ยง ซึ่งเป็นห้องพักในอะพาร์ตเมนต์ ในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตนเห็นว่าดูน่าไว้ใจ ราคาก็ไม่แพงมาก เดือนละ 4,000-5,000 บาท จึงตัดสินใจพาลูกไปฝากเลี้ยงตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน รับลูกกลับมาบ้านก็ยังปกติ จนวันที่ 20 พฤศจิกายน ลูกงอแงหนักมาก จึงลองตรวจเช็กตามร่างกายดู ก็พบว่าที่บริเวณก้น ง่ามขา และอวัยวะเพศ เป็นรอยแดง และผิวลอก จึงโทรไปถามพี่เลี้ยงว่าทำไมก้นลูกเป็นแบบนี้ พี่เลี้ยง บอกว่า เอาทิชชูเปียกที่ใช้สำหรับเช็ดของทั่วไป นำมาเช็ดก้นลูก ก่อนอ้างว่าเด็กคนอื่นที่รับเลี้ยงก็ใช้ทิชชูดังกล่าว ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เลยเช็ดให้ลูก
ต่อมาตนเห็นลูกอาการไม่ดี เพราะร้องไห้หนักเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดกัน จึงพาไปโรงพยาบาล จากนั้นหมอได้ขูดเนื้อเยื่อ และกรีดฝีที่ก้น ก่อนพบว่าเป็นเชื้อราระยะรุนแรงจนกลายเป็นฝี การรักษาคือต้องทายา กินยาฆ่าเชื้อเพื่อให้ราหาย และผ่าตัดฝีที่ติดเชื้อออก จนทุกวันนี้ตนยังไม่มีการติดต่อหรือได้รับคำขอโทษใด ๆ จากพี่เลี้ยง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องไปแจ้งความเอาผิดพี่เลี้ยงรายนี้
ล่าสุดทีมข่าว พร้อมเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคมและพัฒนาชุมชนของเทศบาลบางเสาธง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไปพูดคุยกับ นางสาวหวาน พี่เลี้ยง ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
นางสาวหวาน ยอมรับว่า ตนเองรับจ้างเลี้ยงทารกรายนี้จริง เลี้ยงได้ 2 วัน น้องก็เริ่มมีอาการผื่นแดงขึ้น จึงพูดคุยกับทางแม่เด็ก กระทั่งอาการผื่นแดงเริ่มรุนแรงขึ้น ด้วยความเป็นห่วงจึงให้แม่พาน้องไปหาหมอ และทราบภายหลังว่าน้องติดเชื้อรารุนแรง ยอมรับว่าตกใจและยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดอาการในครั้งนี้
ส่วนประเด็นการใช้ทิชชูเปียกเช็ดทำความสะอาดก้นน้อง ตนเองใช้จริง เพราะเห็นแม่เด็กก็ใช้แบบเดียวกัน และตนก็ใช้กับเด็กคนอื่นไม่เป็นอะไร ส่วนฝีก็เกิดตอนที่เด็กอยู่กับแม่แล้ว โดยหลังจากนี้ตนเองจะรีบติดต่อกลับไปยังแม่เด็ก เพื่อพูดคุยเจรจาหาทางออกในเรื่องนี้ และไม่อยากให้ทางคุณแม่แจ้งความดำเนินคดีกับตนเพราะเป็นเพียงคนที่หาเช้ากินค่ำ อาศัยช่วงตกงานมารับจ้างเลี้ยงเด็กแทนเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคมและพัฒนาชุมชนเทศบาลบางเสาธง เข้าตรวจสอบภายในห้องพัก พบว่าสถานที่ดูสะอาด แต่จากการตรวจสอบในเรื่องขอข้อกฎหมาย ก็พบว่าไม่มีการขออนุญาตในเรื่องของสถานประกอบการรับเลี้ยงเด็กแต่อย่างใด เป็นเพียงบุคคลทั่วไปที่รับจ้างเลี้ยงเด็กในห้องพักเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ในส่วนของทางเทศบาลได้รับเรื่องและจัดเก็บข้อมูลไว้เบื้องต้นแล้ว และคงให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเจรจากันก่อน หากผู้เสียหายไม่ยอมความก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย