ห้องข่าวภาคเที่ยง - ยังว้าวุ่นไม่เลิกกับความเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ผู้บริหารชุดใหม่แล้ว ในการประชุมเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ปัญหาภายในดูเหมือนจะยังไม่ยุติ เพราะยังมีคนทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ตามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค
ถูกรุมถล่มมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยประเด็นที่ถูกโจมตีหนัก ๆ คือ การกลับคำพูดที่เคยบอกจะวางมือทางการเมือง หากพรรคได้ สส. น้อยกว่า 52 คน ด้วยการมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยในโลกโซเชียลมีการแสดงความเห็นกันเยอะ ส่วนใหญ่ก็ส่งเสียงไปในทิศทางเดียวกันว่า จะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว พร้อมทำนายทายทักว่า พรรคมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ รวมถึงถามหาสัจจะกับหัวหน้าพรรคคนใหม่ด้วย
ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคำถามจากนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถ้าเริ่มต้นจากการตระบัดสัตย์ พรรคประชาธิปัตย์จะเหลือความน่าเชื่อถือตรงไหน พร้อมแนะให้จับตา 2 โควตารัฐมนตรีในรัฐบาลที่ว่างอยู่ ว่ามีใครแอบหมายตาอยู่หรือไม่
โดนฟาดจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องตระบัดสัตย์ บอกจะวางมือทางการเมือง แต่กลับกลืนน้ำลายตัวเอง มารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เสี่ยต่อ เฉลิมชัย ก็นั่งไม่ติดเหมือนกัน ล่าสุดโพสต์ข้อความ "คำไหน คำนั้น" ให้คำมั่นจะทำงานหนัก ยึดมั่นอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่าจะไม่ยอมเป็นอะไหล่ให้พรรคไหน และจะทุ่มเทให้ประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านที่แข็งแรงและเข้มแข็งที่สุด
ล่าสุดนางสาวอรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ภาพคลิป พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค มีข้อความระบุว่า "สจฺจํ เว อมตา วาจา ขอบพระคุณท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์ ที่เป็นแบบอย่างนักการเมืองที่ดีมาโดยตลอด ยังคงรัก ศรัทธา และเป็นกำลังใจให้ท่านหัวหน้าตลอดไป 25 ปีกับชีวิตนักการเมืองที่ไม่เคยเปลี่ยนพรรค พูดได้เต็มปากว่า เลือดฟ้ามันข้น กรีดมายังงัยก็ฟ้าแน่นอน ตุ๋ยยังคงรักพรรคไม่เสื่อมคลาย แม้วันนี้ต้องตัดสินใจที่ฝืนความรู้สึก ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคที่รักที่สุด แต่จะไม่ไปไหน ยังคงอยู่ตรงนี้ เฝ้ามองด้วยความหวังดีและห่วงใยตลอดไปค่ะ"
ย้อนความขัดแย้งภายใน ปชป. 77 ปี ภาระใหญ่ฟื้นฟูพรรค
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย อยู่บนถนนการเมืองมาแล้ว 77 ปี เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุค เคยเกิดความขัดแย้งเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เรียกกันว่า กลุ่ม 10 มกรา ในปี 2522
ก่อนจะเกิดปัญหาขัดแย้งทางความคิดรุนแรง กรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. จนทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกไปตั้งพรรคใหม่ มีอดีต สส.ย้ายตามไปบางส่วน ขณะที่ภายในพรรคก็ยังคุกรุ่น เพราะแนวความคิดไม่ตรงกัน โดยเฉพาะการสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สวนทางกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคในขณะนั้น ประกาศไว้กับประชาชน สุดท้ายมติพรรคให้ไปร่วมรัฐบาลทำให้นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากการเป็น สส.
หลังจากนั้นก็มีกลุ่ม สส.ลาออกไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยิน จากเคยได้ สส. 52 คน เหลือแค่ 25 คน จนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค และเพิ่งได้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาระหว่างมีการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีข่าวคราวอย่างต่อเนื่องถึงคนในพรรคกลุ่มนายเฉลิมชัย ไปดีลกับพรรคเพื่อไทย เพื่อขอร่วมรัฐบาล
โดยเรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคฯ ออกมาดักคอไว้เมื่อวานนี้ว่า "อย่าเอาพรรคไปหากิน อย่าดิ้นรนเป็นรัฐบาล" หลังจากนี้ก็คงต้องจับตากันต่อว่า ประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายเฉลิมชัย จะมีทิศทางการเมืองอย่างไร
