สนามข่าว 7 สี - คดีเด็กชาย 14 ปี กราดยิงในห้างดัง ที่อัยการเห็นแย้ง บอกตำรวจสอบไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตีสำนวนกลับทำให้สั่งฟ้องคดีไม่ทัน เรื่องนี้ฝ่ายตำรวจยืนยันทำไปตามข้อเท็จจริง และเตรียมเสนอปรับลดอายุของผู้กระทำผิดให้ต่ำลง จาก 15 ปี เหลือ 12 ขวบ
เป็นความคืบหน้าคดีดังที่กลายเป็นความเห็นแย้งเรื่องการสั่งฟ้องคดีเด็ก 14 ปี ที่ก่อเหตุระหว่างฝ่ายตำรวจกับอัยการ เรื่องนี้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันพนักงานสอบสวนไม่ได้ล่าช้าในการรวมพยานหลักฐานและการสอบปากคำ รวมถึงได้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาและแจ้งข้อกล่าวหาไปตามข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่ญาติของผู้เสียชีวิตกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น พนักงานสอบสวนได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต และอธิบายขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีความเห็นตรงกันว่า อยากให้สถาบันสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เป็นผู้ดูแลต่อไป
สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่า กฎหมายที่ใช้กับเด็กที่ก่อเหตุความรุนแรง มีอัตราโทษเบา และเกรงว่าผู้เสียหายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางตำรวจได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหยิบยกแบบอย่างของต่างประเทศมาศึกษา เพื่อปรับลดอายุของผู้กระทำผิดให้ต่ำลง
ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกหนังสือชี้แจง 8 ข้อ โดยสรุปคือ ยืนยันว่าได้สืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานในคดีอย่างครบถ้วนในทุก ๆ ด้าน
ส่วนประเด็นสำคัญที่อัยการมีความเห็นแย้ง คือ เรื่องเกี่ยวกับอาการทางจิตของเยาวชนคนดังกล่าว และความสามารถในการต่อสู้คดี ยืนยันในชั้นสอบสวน ได้ทำตามรูปแบบการสอบปากคำแบบสหวิชาชีพ ซึ่งผู้ต้องหาให้การได้อย่างชัดเจน ในประเด็นเรื่องอาวุธปืนและเครื่องกระสุน การฝึกซ้อมยิงปืน และวางแผนเข้าไปสนามยิงปืน ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
แต่เมื่อถามถึงวันเกิดเหตุผู้ต้องหาไม่สามารถให้การได้ โดยอ้างว่าจำเหตุการณ์ไม่ได้ และให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมกันนี้ยังได้สอบปากคำโดยแพทย์และนักจิตวิทยา พบว่าคำถามทดสอบทางจิตวิทยาและประเมินสภาพอาการทางจิตผู้ต้องหาตอบคำถามได้อย่างชัดเจน แต่ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดีผู้ต้องหาไม่สามารถให้การได้
ต่อมามีผลตรวจวินิจฉัยและประเมินความสามารถในการต่อสู้คดีของสถาบันกัลยาราชนครินทร์ ที่พบว่าผู้ต้องหามีความสามารถในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ รวมถึงผลที่เกิดขึ้นจากคดี แต่ไม่เข้าใจตระหนักรู้ของข้อหา ไม่มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมของตนเอง จึงสรุปผลประเมินว่าไม่สามารถต่อสู้คดีได้
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนจึงพิจารณาแล้วเห็นว่า ลำพังการปฏิเสธไม่รับรู้และให้การเรื่องราวที่ตนก่อขึ้น ยังไม่ถึงขั้นเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเชื่อและเห็นว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลวิกลจริต ไม่สามารถต่อสู้คดีได้ จึงสรุปสำนวนการสอบสวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ ก่อนที่อัยการจะมีความเห็นแย้งดังกล่าว
หลังจากนี้ตำรวจจะไปสอบปากคำแพทย์เจ้าของไข้ เพื่อยืนยันคำให้การอีกครั้งก่อนเสนออัยการ