เช้าข่าว 7 สี - ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ แต่การโพสต์ภาพคลิปลามกอนาจาร ก็เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย อาจารย์แมน ที่เป็นคนทำพิธี จึงยอมรับและขอโทษในสิ่งที่ได้ทำลงไป พร้อมกับบอกว่าจะไม่ทำพิธีแบบนี้อีก ขณะที่ตำรวจก็ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดี
พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือ ตำรวจไซเบอร์ 1 ประสาน ตำรวจนครบาล 9 และ สน.เพชรเกษม เข้าตรวจสอบภายในสำนักของ นายอภิวรสิทธิ์ พวงแสง หรือ อาจารย์แมน ย่านเพชรเกษม เพื่อให้อาจารย์แมนนำชี้จุดที่มีการประกอบพิธีกรรม นำไปรวบรวมเป็นพยานหลักฐานใช้ในการดำเนินคดี
หลังจากที่ช่วงเช้า อาจารย์แมนไปเข้าพบพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ 1 เพื่อชี้แจงกรณีมีการถ่ายและเผยแพร่คลิป "ลงนะ" บริเวณก้นและของลับ จนกลายเป็นไวรัล และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะมีลักษณะอนาจาร
โดย อาจารย์แมนออกมาเปิดเผยหลังให้ปากคำอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ยอมรับว่า สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่เหมาะสม และไม่ควร จึงฝากขอโทษสังคมที่ตัวเองเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี สัญญาจะไม่มีการ "ลงนะ" บริเวณของสงวนอีก แต่ยังทำพิธีกรรมทั่วไปตามปกติอยู่ ส่วนคลิป "นะก้น" ที่เผยแพร่ออกไป ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่คนโพสต์ ส่วนจะถูกดำเนินคดีข้อหาใดบ้าง ก็ต้องขึ้นอยู่กับตำรวจ
ด้าน พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ อาจารย์แมนยอมรับว่าที่ผ่านมาได้ถ่ายคลิปส่งให้ลูกค้าและทีมงาน เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนที่สนใจจะทำพิธีกรรม ดูว่ากระบวนการ "ลงนะ" มีลักษณะอย่างไร ไม่ได้โพสต์คลิปดังกล่าวต่อสาธารณะ ยกเว้นบางคลิปที่ยอมรับว่าโพสต์เองอยู่บ้าง ซึ่งตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2017 มาพิจารณา ไม่ได้ดูแค่เฉพาะคลิป "ลงนะที่ก้น" อย่างเดียว นอกจากนี้ยังจะพิจารณาเอาผิดกับคนโพสต์ คนแชร์คลิปนี้ จนกระจายออกไปสู่สาธารณะด้วย
ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการแจ้งข้อหา และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของอาจารย์แมนว่า มีประวัติการโพสต์คลิปอนาจารให้แพลตฟอร์มอื่นหรือไม่ ซึ่ง ณ ขณะนี้จึงยังไม่มีการแจ้งข้อหา แต่จะมีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่ถ่ายคลิปตำรวจทราบตัวแล้ว จะเรียกมาสอบปากคำต่อไป
สำหรับคดีนี้ เบื้องต้นเข้าข่ายข้อหานำเข้าสิ่งลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ