“เศรษฐา” เผยไทยเร่งเปลี่ยนระบบเอกสารกระดาษ เป็นเปลี่ยนใช้ E – Document พร้อมอำนวยความสะดวกนักลงทุน หลังต่างชาติติงไทย ยังใช้เอกสารกระดาษเยอะมาก
วานนี้ (16 มกราคม 2567) ที่ นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังพบหารือกับนาย Stefan Butz, CEO บริษัท DKSH Holding AG ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำมาค้าขายในเมืองไทยมานาน 120 ปี จำหน่ายเป็นสินค้าประเภทยา เวชภัณฑ์ อุปโภคบริโภค แบรนด์ เช่น นีเวีย เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือเกี่ยวกับปัญหาเกี่ยวกับการจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งจากการที่มีโรคระบาดใหม่ใหม่ ๆ เกิดขึ้นบริษัทจำเป็นต้องใช้กระบวนการและระยะเวลาในการเข้ามาจัดจำหน่ายในไทยยาวนาน ซึ่งรัฐบาลจะรับไปแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อบริษัทและต่อประชาชนชาวไทยชาวไทยที่ต้องการใช้ยาและเวชภัณฑ์ในการรักษาโรค
นายกรัฐมนตรี ยังเชิญชวนให้บริษัทย้ายโรงงานผลิตนีเวีย ซึ่งถือเป็นครีมบำรุงผิวที่ประสบความสำเร็จ มาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น และ หากมีข้อข้องใจหรือข้อเสนอแนะด้านใด ก็ยินดีไปพบ เพราะจุดประสงค์ใหญ่ของเราคือ ให้หลายบริษัทใหญ่ใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาผลิตในไทย ยกเว้นสินค้าที่มีราคาแพง อย่างเช่นเรื่องยา เรามั่นใจว่าเรามีบุคลากรพร้อม มีมาตรการภาษีพร้อมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในเมืองไทย ซึ่งจากการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี และ ทางบริษัทดังกล่าวได้มอบหนังสือ หน้าปกผ้าไหมไทย ให้นายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขาให้เกียรติและชื่นชมคนไทย
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังให้ข้อมูลว่า เวลาไปเยี่ยมโรงงานที่ไทย พบว่าใช้กระดาษเยอะมาก จึงแนะนำให้ไทย ควรพัฒนาไปใช้เอกสารอีเล็กทรอนิก หรือ E - Document ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า ไทยกำลังทำเรื่องนี้อยู่
ส่วนรถที่ใช้ขนส่งสินค้าในประเทศไทย ทางบริษัทอยากเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด แต่มีความกังวลเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับปากไปว่า เรื่องนี้ไม่ต้อง ห่วงเพราะเราดูแลอยู่ และ จากงานมอเตอร์โชว์ล่าสุด 40% ของรถที่ขายได้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั้งหมด ต้องมีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อรองรับอยู่แล้ว