นายกฯ ขอหมีแพนด้าจีน เป็นทูตสันถวไมตรีเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน

นายกฯ ขอหมีแพนด้าจีน เป็นทูตสันถวไมตรีเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน

View icon 227
วันที่ 29 ม.ค. 2567 | 12.32 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ ขอหมีแพนด้าจีน ด้าน “หวัง อี้” รับปากส่งหมีแพนด้ามาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นทูตสันถวไมตรีเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน

นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบและหารือกับนายหวังอี้  สมาชิกกรมการเมือง  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ว่า วันนี้ (29 ม.ค.67) ได้คุยกับนายหวัง อี้ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงในหลายมิติ  โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ที่ได้มีการลงนามระหว่างไทยและจีน  เกี่ยวกับเรื่องวีซาฟรี ที่ทั้ง 2 ประเทศเดินทางไปมาโดยไม่ต้องขอวีซา ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ  และความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงมิตรภาพที่จะครบ 50 ปีในปีหน้านี้  โดยเรื่องของการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ต่อเศรษฐกิจประเทศไทยซึ่งก็มีการพูดคุยกัน

นายหวังอี้  บอกว่า ประเทศจีนก็มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย  อยากให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปประเทศจีน  ซึ่งตนก็ยืนยันว่าเราก็สนับสนุนให้ประชาชนของ 2 ประเทศเดินทางไปมาหาสู่กัน และมีการพูดถึงจำนวนเที่ยวบิน ยังไม่กลับมาปกติ ตั้งแต่สถานการณ์โควิด  จาก 2,000 เที่ยวบิน เหลือเพียง 1,200 เที่ยวบิน ซึ่งจากนี้ก็จะมีการยกระดับการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ถึงมั่นใจว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเข้ามาจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม และนักท่องเที่ยวชาวไทยก็จะไปท่องเที่ยวประเทศจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถือเป็นผลดีกับทั้งสองประเทศ 

ทั้งนี้ประเทศไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ว่า จะเป็นกลาง และให้การสนับสนุนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนจะมาพูดคุยกัน ในหลายมิติ ซึ่งต่อไปในอนาคตก็ยินดีสนับสนุน ในการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งนายหวังอี้ก็ได้ดำริว่า หากจะมีการพูดคุยกับประเทศสหรัฐอเมริกาจริง ก็ขอให้เป็นประเทศในเอเชีย  ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน บอกเลยว่าเลือกประเทศไทย บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และถือว่าเป็นการประชุมในประวัติศาสตร์ครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้  นับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี  ยังกล่าวถึงการค้าการลงทุนได้ว่า ได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ เช่นการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า  หรือ รถอีวี อย่างเดียว ยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่จะมีขึ้นจากประเทศไทย ไปยังจังหวัดหนองคาย ผ่านประเทศลาว เข้าสู่ประเทศจีน และปัญหาเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่จะให้คณะทำงานของทั้งสองประเทศมาทำงานร่วมกัน  รวมไปถึงการค้าขายทางด้านเกษตรกรรม เช่นการค้าโค ที่ประเทศจีนต้องการอย่างมาก  แต่ติดปัญหาด้านกักกันเชื้อโรคอยู่ที่ประเทศลาว ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศไม่สะดวก 

นายเศรษฐา  ยังเผยว่า ในการหารือครั้งนี้ยังมีเรื่องของการขอหมีแพนด้า  มาจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่อีกครั้ง  หลังจากตอนนี้ประเทศไทยไม่มีหมีแพนด้าเลย ซึ่งช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาตนได้ไปเห็นในทวิต X ถึงการจัดอันดับจำนวนหมีแพนด้าในประเทศต่างๆ และพบว่าประเทศไทยมี 0 ตัว  ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนที่ดีถึงด้านความสัมพันธ์ทางการฑูตที่เรามีต่อประเทศจีนตลอด 50 ปี ซึ่งก็ได้ขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนไป   ก็ได้รับการตอบรับ ที่จะทำให้เรามีเหมือนแพนด้าอีกครั้งหนึ่ง ที่สวนสัตว์จังหวัดเชียงใหม่  

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี   ยังเปิดเผยว่าได้มีการเซ็นสัญญาทางด้านการค้าเกษตรกรรม กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ขณะเดียวกันก็มีเรื่องของโครงการดูแลเรื่องของโครงการแลนด์บริดจ์ ที่นายหวังอี้ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุย  และแสดงเจตจำนงว่ารัฐบาลจีนและภาคเอกชนจีนให้ความสนใจแต่ขอข้อมูลเพิ่มเติม  ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นผลดีต่อภาคเอกชนของจีน  ที่มาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย และจะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออก ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องมีท่าเรือน้ำลึก และต้องมีโครงการเมกกะโพรเจกต์อย่างแลนด์บริดจ์มาช่วยสนับสนุนตรงนี้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะเดินทางไปจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีนด้วย