สนามข่าว 7 สี - เหตุเพลิงไหม้อาคารใน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตำรวจก็ต้องเร่งหาหลักฐานเพื่อคลายปมหรือข้อกังขาที่ว่า เหตุเพลิงไหม้จะเกี่ยวข้องกับการเร่งตรวจสอบและขยายผลจับกุมแก๊งตบทรัพย์ข้าราชการ หรือไม่
จากเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 2 อาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จุดที่เกิดเหตุเป็นโซนห้องทำงานของ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ โดยห้องต้นเพลิงระบุว่า เป็นห้องเตรียมอาหารและลุกลามไปยังห้องของคณะทำงานของนายไชยา ซึ่งมีเอกสารสำคัญเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา
วานนี้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้เข้าตรวจสอบหาหลักฐาน หาสาเหตุเพลิงไหม้ โดย พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เผยว่า มุมห้องเตรียมอาหารฝั่งที่ติดกับระเบียงถูกเพลิงไหม้หนักที่สุด ซึ่งจุดนั้นมีทั้งตู้เย็น เตาไมโครเวฟ และสายไฟฟ้าหลายชนิด แต่เบื้องต้น ยังบอกไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากการลัดวงจรของอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดใด
เจ้าหน้าที่ยังได้เก็บหลักฐานบางส่วนไปวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่ทำให้เพลิงลุกลามไปยังห้องของคณะทำงานของ นายไชยา ซึ่งอยู่ติดกับห้องต้นเพลิง ซึ่งในห้องดังกล่าวมีเอกสารสำคัญจำนวนมาก มีสิ่งบ่งชี้ว่าจะเข้าข่ายเป็นการจงใจวางเพลิงหรือไม่ โดยต้องรอผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ก่อน
ส่วนที่มีผู้ออกมาให้ข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีช่างแอร์เข้าไปซ่อมบำรุงนั้น ตำรวจสอบปากคำแม่บ้านประจำอาคาร พบว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น มีเพียงบริษัทกำจัดปลวกนัดหมายพนักงานเข้าไปฉีดปลวกในห้องดังกล่าว แต่เมื่อถึงเวลานัดพนักงานไม่มา แม่บ้านจึงปิดล็อกห้องแล้วกลับไป จึงไม่มีใครเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุได้
สำหรับการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในอาคาร และจุดใกล้เคียงที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อหาว่ามีใครเข้า-ออก ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตำรวจ สน.นางเลิ้ง อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ
ด้าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ทราบว่า เพลิงลุกไหม้เอกสารในห้องของคณะทำงานของ นายไชยา เกือบทั้งหมด แต่ไม่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตบทรัพย์ ส่วนจะเป็นการจงใจวางเพลิงหรือไม่ ต้องรอผลจากตำรวจอีกประมาณ 2 วัน ส่วนความเสียหายจะไปถึงโครงสร้างอาคารหรือไม่ เบื้องต้น พบความเสียหายเฉพาะของที่อยู่ในห้อง และวอลเปเปอร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธาเขตพระนคร จะเข้าตรวจสอบอีกครั้งเพื่อประเมินความเสียหาย ก่อนจะออกคำสั่งว่าจะห้ามใช้อาคารทั้งหมด หรือเฉพาะบางส่วน
ส่วน นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปที่กระทรวงเพื่อต้องการตรวจสอบที่เกิดเหตุเช่นกัน แต่สุดท้ายไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แต่ นายไชยา ยืนยันว่า ห้องประชุมของคณะทำงานที่ไฟลุกลามไปถึง ไม่ได้มีเอกสารสำคัญเก็บไว้ มีแต่เอกสารเปิดงานทั่วไป ส่วนเอกสารสำคัญของโครงการต่าง ๆ ถูกจัดเก็บในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ในระบบคลาวน์ออนไลน์ ดังนั้น ไม่ใช่การเผาทำลายหลักฐานแน่นอน ซึ่งหากสามารถเปิดดูกล้องวงจรปิดได้ก็จะเป็นการดี แต่กลัวว่ากล้องจะเสียอีก
นอกจากนี้ นายไชยา ยังยืนยันด้วยว่า ไม่เคยพบ นายศรีสุวรรณ จรรยา และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" ที่กระทรวงเกษตรฯ ตามที่มีกระแสข่าวออกมา แต่อาจเคยพบเจอตามสถานที่ภายนอก และยืนยันด้วยว่า ตนเองไม่ได้คุมกรมการข้าว จึงไม่มีเหตุให้เกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งสอง แต่ส่วนของ กรมฝนหลวงฯ ที่ตนเองดูแล ก็ดูแลเพียงเรื่องนโยบาย ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ และการบริหารบุคคล ไม่มีเหตุให้ นายศรีสุวรรณ หรือ นายเจ๋ง ต้องมาหา หรือให้ข้อมูลเพื่อให้ไปยื่นร้องกรรมาธิการฯ เพราะมีอำนาจสั่งการได้อยู่แล้ว
แต่ก็ยอมรับว่า สมัยที่เคยเป็น ประธานกรรมาธิการฯ ติดตามการบริหารงานงบประมาณ นายเจ๋ง เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนกับตนเองหลายครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องปกติตามกลไกของสภา
สำหรับอาคารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเดิมใช้ชื่อ กระทรวงเกษตรพานิชการ นับตั้งแต่การก่อตั้งในวันที่ 1 เมษายน 2435 จนถึงวันนี้ มีอายุย่างเข้า 132 ปี แล้ว
ส่วนการดำเนินคดีกับแก๊งนักร้องหวังตบทรัพย์ เจ้าหน้าที่ก็เตรียมจะนำหลักฐานไปขอให้ศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีกอย่างน้อย 2 คน (จับไปแล้ว 4 คน) เป็นระดับตัวการสำคัญ และผู้เปิดบัญชีม้ารับโอนเงิน ส่วนคณะพนักงานสอบสวนของ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ประชุมใหญ่วางแนวทางการสืบสวนขยายผล ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายกลุ่ม รวมทรัพย์สินที่ถูกเรียกถูกตบทรัพย์นับ 100 ล้านบาท ซึ่งตำรวจบอกว่ามีพยานหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเพียงพอจะมัดตัวผู้ต้องหาในคดีให้ดิ้นไม่หลุด