นอนคุก! ศาลไม่ให้ประกัน 2 ผู้ต้องหาคดีหุ้น STARK ชี้ มูลค่าความเสียหายสูง ทำลายเศรษฐกิจ หวั่นหลบหนี ขณะที่ อัยการคดีพิเศษ ส่งหนังสือด่วนถึง DSI ตามตัว “วนรัชต์” ส่งฟ้อง หลังยื่นใบรับรองแพทย์ อ้างป่วย
วันนี้ (9 ก.พ.67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ได้นำตัว นายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 และน.ส.ยสบวร ผู้ต้องหาที่ 11 ในคดีทุจริตบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มายื่นฟ้องต่อศาลอาญา ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน, ฐานฉ้อโกงประชาชนฯ, ข้อหายักยอกทรัพย์ และข้อหาฟอกเงิน มูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องอื่นในคดีนี้ไปแล้ว 7 คน
ส่วนนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทายาทตระกูลธุรกิจสีทีโอเอ ทราบนัดแต่ไม่เดินทางพบพนักงานอัยการ มีรายงานว่าได้ประสานผ่านทางทนายความขอเลื่อน เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน
ภายหลังพนักงานอัยการยื่นฟ้อง ศาลอาญาประทับฟ้องคดีไว้พิจารณา เป็นหมายเลขดำ อ.433/2567 และนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสองแล้วให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีศาลจึงนัดตรวจหลักฐานทั้งสองฝ่ายวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
ต่อมา นายกิตติศักดิ์ ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน 3 ฉบับขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ตามพฤติการณ์ตามฟ้อง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก กระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง และมูลค่าความเสียหายสูง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณา ยกคำร้อง
ส่วนน.ส.ยสบวร อำมฤต ผู้ต้องหาที่ 11 ไม่ได้ยื่นประกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวทั้งสองไปยังเรือนจำ
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค เปิดเผยว่า วันนี้อัยการฟ้องผู้ต้องหา 2 รายเพิ่มเติมเข้ามาในคดี ซึ่งทั้งสอง 2 คนไม่ใช่ตัวผู้บริหารระดับสูงสุด และไม่ใช่ผู้ที่ตักตวงผลประโยชน์สูงสุด แต่เป็นผู้ที่ทำงานให้กับผู้ที่อาจจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด วันนี้เราก็ถามคำถามว่ารายที่ควรจะต้องถูกอัยการฟ้องคือ นายวนรัชต์ แต่ไม่มาพบอัยการ กระแสข่าวบอกว่ามีอาการหัวใจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน และส่งใบรับรองแพทย์มา เราก็ฝากความหวังผ่านสื่อมวลชนให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐช่วยติดตามตัวมา เพราะเราก็อยากให้เขาเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในชั้นศาล เราอยากให้มาเปิดเผยข้อมูลให้เราฟังว่าที่บอกจะช่วยเหลือผู้เสียหาย จะช่วยเหลืออย่างไร ตนเชื่อว่าผู้เสียหายพร้อมคุย และศาลอาญาอาจจะนำมาพิจารณาประกอบจากหนักเป็นเบาได้
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้เสียหายได้เห็นหนังสือรับรองแพทย์แล้วหรือไม่ นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ทางทนายให้ดูเป็นใบรับรองแพทย์มีตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาล แต่เราก็เคารพความเป็นส่วนตัว ซึ่งอัยการก็จะประสานไปยังพนักงานสอบสวนให้ตรวจสอบว่าป่วยต้องผ่าตัดจริงหรือไม่ และจะหายเมื่อไหร่ จะสามารถนำตัวมาฟังคำสั่งอัยการได้วันไหน คือขบวนการที่อัยการจะต้องมีดุลพินิจในการดูว่าเขาป่วยจริงเขานอนอยู่บนเตียงจะไปลากมาฟังคำสั่งก็คงไม่ได้
ถามต่อว่าวันนี้ผู้เสียหายได้ยื่นขอคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า โดยหลักการกลุ่มเรามองว่าโอกาสในการประกันตัวออกมาน้อย แต่ถ้าเขาออกมาไม่ได้ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก็คิดว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานไม่ว่าคดีอะไรก็ตาม เราอยากให้เขามาคุยกับเราด้วยซ้ำ เอาข้อมูลมาให้พวกเราเลยว่าคนที่ทำผิดจริงๆ มีใคร ถ้ามีส่วนร่วมก็สารภาพมาเลย เพราะถ้าไปอยู่ในคุกแล้วเราคุยกับเขาไม่ได้ ทั้งนี้ วันนี้คนที่จะต้องถูกฟ้องเข้าคุก เป็นระดับปฏิบัติงานหมดเลยผู้เสียหายเองก็ไม่สบายใจก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่รัฐว่าช่วยติดตามว่าเราจะเอาข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจากผู้บริหารมาคุยกันอย่างไร เพราะอย่าลืมว่ามันไม่ได้มีแค่คดีอาญาอย่างเดียว มันมีแพ่งด้วย
ทางด้าน นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY ในฐานะตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า บริษัทของตนเองก็มีความเสียหายจากการลงทุนเช่นกัน จึงต้องออกมาเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรม การที่ผู้เสียหายรวมตัวกันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะต้องการให้คนกระทำผิดมาชดใช้ ส่วนตัวบริษัทเสียหาย 16 ล้านบาท