สนามข่าว 7 สี - ศจีตีคดีวันนี้ เราจะตามประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในแวดวงสีกากี เมื่อตำรวจชุดทำคดีเว็บพนันมินนี่ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 61 คน ในจำนวนนี้ 8 คน เป็นนายตำรวจ เรื่องนี้อยู่ในชั้นอัยการแล้ว แต่ที่มันร้อนแรงก็เพราะมีการขยายผลต่อเนื่อง จนพบว่ามีนายตำรวจทั้งในราชการและเกษียณอายุเกี่ยวข้องด้วยอีก 5 นาย ในจำนวนนี้มี "บิ๊กโจ๊ก" พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ด้วย
เรื่องนี้ค่อย ๆ พีกต่อเนื่องมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังมีหลักฐานหลุดลงโซเชียล มีกระแสข่าวว่าตำรวจชุดทำคดี "มินนี่" จะเรียก "บิ๊กโจ๊ก" มาสอบปากคำที่ "สอท." ทำเอาเจ้าตัวถึงกับของขึ้น ให้สัมภาษณ์กับสื่อแบบดุเด็ดเผ็ดมันตามสไตล์ว่า "ตำรวจชุดนี้เอาอำนาจอะไรจะมาเรียกผมสอบปากคำ"
เรื่องยังอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช. อยู่เลย ยืนยันตัวเองไม่ผิด ไม่เคยรับเงินจากเว็บฯ พนันออนไลน์ เพราะหน้างานที่รับผิดชอบ ดูแลด้านความมั่นคง ไม่ได้ดูงานตำรวจไซเบอร์ ไม่มีผลประโยชน์จะให้ใคร คิดว่าใครจะเอาเงินมาให้ เรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งดิสเครดิตกัน เป็นการทะเลาะกันของตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ว่ามาแบบนี้ ก็ต้องไปสอบถามกับ "ผบ.ตร." ท่านก็ตอบแบบนิ่ม ๆ ว่า "ไม่มี๊ ไม่มีรอยร้าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เรื่องคดีความเว็บฯ พนัน "มินนี่" เป็นการทำหน้าที่ตามพยานหลักฐาน ส่วนที่ "บิ๊กโจ๊ก" บ่นไม่ได้ดูแลตำรวจไซเบอร์ น่าจะเกิดจากความน้อยใจ
จากนั้น "รอง เต่าฯ" พลตำรวจตตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว หนึ่งในคณะทำงานคดีมินนี่ ก็ออกมาชี้แจงยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งใครทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน
คดีนี้มีเส้นเงินจากเว็บพนันต่าง ๆ รวมเกือบ 300 ล้านบาท แม้จะใช้บัญชีม้า แต่ก็โยงไปถึง "บิ๊กโจ๊ก" จึงเข้าข่ายผิดมาตรา 157 และ 149 แม้เรื่องอยู่ ป.ป.ช. แต่ตำรวจก็อยากจะขอมาทำคดีเอง เพราะตำรวจทำต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของ ป.ป.ช.
เพราะมีข่าวที่ออกไปอย่างผิด ๆ หรืออย่างไรก็ไม่รู้ ทำเอา "บิ๊กโจ๊ก" อยู่เฉยไม่ได้ นัดขอแถลงข่าวฟาดกลับ ยืนยันจนถึงนาทีนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ กับตนเอง ย้ำอีกที ตำรวจชุดนี้ไม่มีอำนาจในการดำเนินคดี เพราะเรื่องอยู่กับ ป.ป.ช. แล้ว "บิ๊กเต่า" เป็นใคร? ถึงออกมากดดัน ป.ป.ช. ให้ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจดำเนินการ
ถามเจ็บ คุณเป็นใคร? ใหญ่มาจากไหน? ยศอะไร? รู้ดีเกมนี้ใครบงการ นายตำรวจระดับ "พลเอก" หรือ "พลโท" อย่าเป็นอีแอบ ปอดแหกให้ลูกน้องออกมาตายอย่างเดียว เอาเบอร์ใหญ่ ๆ ออกมาชี้แจงบ้าง และบอกว่าตอนนี้ลูกน้องแจ้งความ ฟ้องเอาผิดกับตำรวจ 227 นาย ในจำนวนนี้ "พลตำรวจเอก" 2 นาย และจะทยอยฟ้องอีก
ไม่ต้องรอข้ามวัน ผู้สื่อข่าวไปถามต่อกับ "บิ๊กเต่า" ก็ตอบกลับแบบโนสน โนแคร์ว่า ไม่กลัวการถูกฟ้องกลับ เพราะทำตามพยานหลักฐาน มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายองค์กร อย่างที่เคยทรยศกับเจ้านายเก่า ย้ำไม่ก้าวล่วงการทำงานของ ป.ป.ช. เพราะมั่นใจว่าจะ "ตำรวจ" หรือ "ป.ป.ช." ทำคดี ก็ต้องสั่งฟ้องแน่ ๆ
มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่ฟังแล้วนึกเอะใจ ที่ "บิ๊กโจ๊ก" บอกว่า ไม่ได้กำกับดูแลตำรวจไซเบอร์ ไม่ได้ปราบปรามเว็บฯ พนันออนไลน์ แต่เหมือนก่อนหน้านี้จะมีข่าวจับกุมคดีเว็บฯ พนัน ผ่านตาอยู่บ่อย ๆ
จึงลองค้นข้อมูลย้อนกลับไปตั้งแต่สมัย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร. ก็จะเห็นว่าตอนนั้น "บิ๊กโจ๊ก" ที่โยกย้ายกลับมาจากสำนักนายกรัฐมนตรี ก็มาเป็นที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พอเข้าสู่ยุคของ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็น ผบ.ตร. ถึงมอบหมายให้รับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลงานสืบสวนของ กองบัญชาการตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธรภาค 1-9, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อรับผิดชอบดูงานสืบสวนเป็นหลัก หลายครั้งที่ทำคดีแล้วไปเกี่ยวเนื่องกับเว็บพนันออนไลน์ คนจึงเข้าใจว่าที่ผ่านมาก็เคยจับกุมผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ด้วย
และพอมาถึงยุคนี้ ถึงได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านความมั่นคง และกิจการพิเศษ ซึ่งเจ้าตัวย้ำหนักหนาว่า ผมเป็นรอง ผบ.ตร.คนเดียว ที่ไม่ได้คุมตำรวจไซเบอร์ ถ้าได้คุมเมื่อไหร่ ไม่เกิน 7 วัน ผมปราบได้หมด
ท่านพูดขนาดนี้แล้ว ที่ตำรวจพบว่าลูกน้องท่านใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรมต่าง ๆ โยงกับมินนี่ล่ะ? ท่านก็ยืนยันไม่เกี่ยวกับผม เป็นเรื่องของลูกน้อง แถมยกตัวอย่าง สามีค้ายา ภรรยาก็ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องด้วย
นอกจากนี้นักข่าวถามว่า ถ้าคดีนี้ ป.ป.ช. รับทำเองแบบนี้ บิ๊กโจ๊กจะได้เปรียบหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่าท่านมีความสนิทสนิมกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งบิ๊กโจ๊กบอกว่า ไม่จริง ตนเองไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และไม่เคยพูดคุยกับ ป.ป.ช. คนที่มีข่าวเลย
และอย่างที่เราเคยนำเสนอเรื่องนี้ไปว่า คดีนี้มันส่งผลต่อเส้นทางการขึ้นเป็น "ผบ.ตร." คนต่อไป ถ้าไล่เรียงลำดับอาวุโส อันดับที่ 1 ก็คือ "บิ๊กโจ๊ก" แต่ถ้าต้องคดี ก็จะเหลือแคนดิเดต 3 คน คือ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และพลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ทั้งคู่เหลืออายุราชการอีก 2 ปี
และคนที่ 3 คือ พลตำรวจเอก ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. ก็มองข้ามไม่ได้ เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี ปกติแล้วช่วงสิงหาคม-กันยายน ก็จะเริ่มคัดสรรตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้ว สุดท้ายลุ้นกันต่อยาว ๆ ว่าหวยจะลงที่ใคร จับตาให้ดี