กรมควบคุมโรค แนะท่องเที่ยวปลอดภัย ระวังแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส

กรมควบคุมโรค แนะท่องเที่ยวปลอดภัย ระวังแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส

View icon 144
วันที่ 1 มี.ค. 2567 | 19.11 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (1 มี.ค. 67) นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกระแสในสื่อโซเชียลมีการเตือนภัยพบแมงกะพรุนพิษสายพันธุ์ไฟหมวกโปรตุเกส บริเวณหาดชลาทัศน์ จ.สงขลา และพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกพิษแมงกะพรุนหลายราย กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำวิธีช่วยเหลือผู้ถูกพิษแมงกะพรุนที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเจ็บปวดรุนแรง และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือเรียกอีกอย่างว่าแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese man-of-war) มีลักษณะเด่นบริเวณหัวจะมีลักษณะคล้ายหมวกทหารเรือรบโปรตุเกสโบราณ ลำตัวพบได้ทั้งสีน้ำเงิน สีม่วง สีชมพู หรือเขียว และมีหนวดที่มีพิษยาวได้ถึง 30 เมตร ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง

ในประเทศไทยพบถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นได้ในบางฤดูกาลหรือช่วงมรสุม มีพิษร้ายแรง เมื่อสัมผัสพิษจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก อาจทำลายระบบประสาท ผิวหนัง หัวใจ ช็อก หัวใจล้มเหลว เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากลงเล่นน้ำทะเลและมีอาการปวดแสบปวดร้อนให้สงสัยว่าโดนแมงกะพรุนพิษ และให้ปฏิบัติดังนี้

1.รีบขึ้นจากน้ำทะเล และรีบขอความช่วยเหลือพร้อมโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669  

2.ห้ามทิ้งผู้บาดเจ็บอยู่คนเดียว เพราะอาจหมดสติหรือเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นได้ 

3.ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ และห้ามขัดถูบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุน เนื่องจากการเคลื่อนไหวอาจเป็นการกระตุ้นการยิงพิษ 

4.รีบล้างพิษทันที โดยใช้น้ำส้มสายชูความเข้มข้น 4-6% ที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไป ราดบริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วินาที (ห้ามราดด้วยน้ำจืด น้ำเปล่า หรือแอลกอฮอล์) น้ำส้มสายชูจะป้องกันไม่ให้ผู้บาดเจ็บได้รับพิษเพิ่มขึ้น

5.หากผู้บาดเจ็บไม่มีชีพจรหรือหยุดหายใจ ให้รีบทำการช่วยฟื้นคืนชีพ โดยการปั๊มหัวใจ ผายปอด ก่อนราดน้ำส้มสายชู และรีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว 

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว สวมเสื้อผ้ามิดชิดลงเล่นน้ำ ไม่ควรเล่นน้ำหลังฝนตก สังเกตจุดวางน้ำส้มสายชูและปฏิบัติตามป้ายแจ้งเตือน

หากพบว่ามีซากของแมงกะพรุนอยู่ตามชายหาด ไม่ควรลงเล่นน้ำ หรือลงเล่นน้ำในบริเวณปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้เท่านั้น และให้ปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422