จ่อไม่ได้ต่อวีซา ชาวต่างชาติเตะแพทย์หญิง

View icon 156
วันที่ 5 มี.ค. 2567 | 06.21 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ความคืบหน้ากรณีนายเดวิด ชายต่างชาติก่อเหตุทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงในจังหวัดภูเก็ต จนเป็นข่าวดัง และขยายไปสู่การตรวจสอบธุรกิจปางช้าง รวมถึงการตรวจสอบการตั้งมูลนิธิฯ ว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ล่าสุดที่หลายคนจับตาดู คือการเรียกร้องให้เพิกถอนวีซาของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์คนนี้ เพราะพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นมาเฟีย เมื่อวานนี้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตก็พูดเรื่องการตรวจสอบวีซาของนายเดวิด

เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) นายอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการตรวจสอบวีซาของนายอูร์ส บีท เฟร์ (Urs Beat Fehr) หรือ เดวิด สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ พบว่าเป็นนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุน และจดทะเบียนมูลนิธิ ส่วนนี้ได้ทำหนังสือตรวจสอบการจดทะเบียนมูลนิธิฯ ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง จะถูกเพิกถอนการจัดตั้งมูลนิธิ โดยนายทะเบียนจะต้องทำหนังสือไปถึงอัยการ เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการตั้งมูลนิธิฯ และในการประกอบธุรกิจปางช้าง

สำหรับเรื่องวีซา ได้ตรวจสอบไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ทราบว่าจะครบกำหนดในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ซึ่งจะพิจารณาว่าจะต่อวีซาหรือไม่ ประเภทไหน อย่างไร ทั้งนี้ต้องดูเรื่องการพิจารณาด้วย หากการพิจารณาคดีเสร็จ หลัง 13 มีนาคมนี้ จะต้องต่อวีซาเป็นผู้ต้องหาในคดี

ซึ่งคดีนี้จะเป็นคดีแรกในการตรวจสอบการถือครองวีซาของชาวต่างชาติ และเป็นคดีแรกที่ทางจังหวัดมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมา

สำหรับเส้นทางเรื่องวีซาของนายเดวิด ซึ่งอายุวีซาจะหมดลงในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ตอนนี้เป็นทาง 3 แพร่ง คือ

1. ได้รับการต่อวีซาอยู่ในประเทศไทยต่อ

2. ไม่ได้รับการต่อวีซา ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

3. ถูกเพิกถอนวีซาก่อนวีซาหมดอายุ

ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.ท.สรุพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งเรื่องถึง ตม.จังหวัดภูเก็ต ขอเพิกถอนวีซานายเดวิด แต่ต้องรอผลการพิจารณาคดีอาญาไปประกอบการพิจารณาอยู่ดี ทำให้ทางเลือกสุดท้ายมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่สุด เนื่องจากระยะเวลาที่กระชั้นชิด อีกทั้งกระบวนการทางคดีทำร้ายแพทย์หญิงยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งขณะนี้ได้สอบปากคำผู้ต้องหาไปแล้ว แต่นายเดวิดปฏิเสธในชั้นสอบสวน ขั้นตอนต่อไปจึงอยู่ในกระบวนการศาล เชื่อว่าไม่น่าจะทันการภายในวันที่ 13 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน

ซึ่งหากการพิจารณาคดีไม่ทันวันที่ 13 มีนาคม จะเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวเป็นการชั่วคราวในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี หรือดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี ทั้งในฐานะผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา โจทก์จำเลย หรือพยาน ซึ่งลักษณะของนายเดวิด จะเรียกสั้น ๆ ว่า "วีซาผู้ต้องหา" ซึ่งต้องยื่นขออนุญาตกับทาง ตม. โดยต้องยื่นหลักฐานคือ

1. แบบคำขอ ตม.7 หรือ ขออนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว

2. สำเนาหนังสือเดินทางของผู้ยื่นคำขอ

3. หนังสือรับรองจากพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดี หรือหนังสือหรือเอกสารทางราชการที่ยืนยันว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี หรือดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี

ซึ่งแนวโน้มของนายเดวิด น่าจะต้องต่อวีซาชั่วคราวในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งนอกจากคดีทำร้ายหมอ ตอนนี้ยังมีการตรวจสอบปางช้าง มูลนิธิ และอื่น ๆ ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะมีคดีงอกขึ้นอีกหรือไม่

และอีกเรื่องที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวถึงเมื่อวานนี้ คือเรื่องที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ คือบริเวณวิลลา 23 แหลมยามู หลังเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนบันได หรือสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำที่สาธารณะ ภายใน 30 วัน หากไม่มีการรื้อถอน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะเข้าไปรื้อถอนเอง และเรียกร้องค่าเสียหายในการดำเนินการได้ รวมถึงหลักฐานการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ จะมีการพิจารณาตามกระบวนการของหลักฐานในที่ดินต่อไป

แต่เมื่อวานนี้ ผู้สื่อข่าวเช้านี้ที่หมอชิตลงไปตรวจสอบพื้นที่หาดยามู ตำบลป่าคลอก พบว่าบันไดลงหาดของวิลลายังไม่ถูกรื้อถอน มีประชาชนเข้ามาถ่ายภาพเช็กอินเป็นที่ระลึกกับบันไดบางตากว่าเมื่อวันก่อน แต่ปรากฎว่าหนังสือติดประกาศของเทศบาลตำบลป่าคลอก ที่สั่งให้เจ้าของวิลลารื้อถอนบันไดภายใน 30 วัน นับจากวันที่ติดประกาศหายไป เหลือแค่ร่องรอยที่เคยปักไว้ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าใครดึงออกไปหรือหายไปไหน แต่ป้ายประกาศของเทศบาลที่สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ทำด้วยไม้ซึ่งปักอยู่ไม่ไกลจากบันไดมากนักยังปักอยู่เหมือนเดิม

โดยเรื่องบันไดวิลลา และสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำหาดยามู ขณะนี้เทศบาลตำบลป่าคลอก แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่สาธารณะกับทางเจ้าของวิลลา ที่สร้างบันได และสิ่งปลูกสร้าง 4 จุด รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ หาดยามู โดยตำรวจได้นัดกรรมการผู้จัดการวิลลา เข้าสอบปากคำในสัปดาห์หน้า

ส่วนเรื่องการตรวจสอบศูนย์อนุรักษ์ช้าง หรือ ปางช้างของนายเดวิด เมื่อวานนี้ นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นกรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญตัวแทนจากกรมปศุสัตว์ กรมป่าไม้ กรมอุทยาน สปสช. ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เข้าตรวจสอบปางช้างของนายเดวิด ซึ่งมีพนักงานของปางช้าง เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ส่วนนายเดวิดและภรรยา เมื่อวานนี้ไม่ได้อยู่ที่ปางช้าง

โดย นายสุทัศน์ นิยมไทย ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปางช้างแห่งนี้จดทะเบียนในนามของบริษัท ซึ่งสามารถทำได้ แต่ว่าในส่วนของมูลนิธิ จะเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย โดยปศุสัตว์ตรวจสอบช้าง 14 เชือก มีตั๋วรูปพรรณครบถ้วน ไมโครชิปถูกต้อง สุขภาพของช้างแข็งแรงสมบูรณ์ดี การดูแลอยู่ในเกณฑ์ดี

ขณะที่ นายเฉลิมพงศ์ สส.ภูเก็ต ระบุว่า ต้องตรวจสอบปางช้างแห่งนี้ทุกด้านว่าดำเนินธุรกิจถูกต้องหรือไม่ ช้างนำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ รวมถึงให้กรมป่าไม้ตรวจสอบแนวเขตที่ดินเพิ่มเติมว่าอยู่ในพื้นที่ป่าหรือไม่

นายเฉลิมพงศ์กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ จะทำเรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบวีซาเพิ่มเติม ในการดำเนินธุรกิจปางช้างของเจ้าของ ว่ามีการดำเนินการถูกรูปแบบของวีซาที่ขอไว้หรือไม่

ซึ่งเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เรียกรองผู้บังคับการฯ และผู้กำกับการสถานีตำรวจต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รวมถึงตำรวจ ตม.ภูเก็ต มาพูดคุย เกี่ยวกับการตรวจสอบชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพในจังหวัดภูเก็ตและมีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งต้องทำการเพิกถอนวีซา โดยผู้การจังหวัดภูเก็ตระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการเพิกถอนวีซาของชาวต่างชาติ และยังไม่พบการร้องเรียนของชาวต่างชาติว่าถูกข่มขู่จากชาวต่างชาติด้วยกันเอง หรือคนไทยที่ถูกข่มขู่โดยชาวต่างชาติ คดีล่าสุดของชาวต่างชาติ คือ คดีปล้นทรัพย์ชาวรัสเซีย 5 คน ซึ่งจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว ซึ่งส่วนที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมาเฟียนั้น ผู้การจังหวัดยืนยันว่าสำหรับภูเก็ตไม่มีมาเฟีย จะมีแต่ลักษณะการแย่งอาชีพคนไทย ซึ่งกำชับให้ทุก สภ. ตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพของ พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดภูเก็ต นั่งชนแก้วกับนายเดวิด และบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกคนของภูเก็ต โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พ.ต.อ.จิระศักดิ์ มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนิทสนมกับนายเดวิดหรือไม่ ทาง พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า จากการสอบถามทราบว่ามีเพื่อนชวนไปรับประทานอาหาร และมีการถ่ายภาพร่วมกัน แต่ไม่ได้สนิทสนมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งในส่วนการทำคดีนั้น ไม่ได้กังวล โดยได้สั่งให้ สภ.ถลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่พบ ทั้งในส่วนของสายตรวจหรือพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายกับนายเดวิดไปแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ในส่วนทางคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 2-3 ปาก ซึ่งไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง