วอนญาติแรงงานไทยใน “อิสราเอล” อย่าตื่นตระหนก “กระทรวงแรงงาน” พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
สืบเนื่องจากเหตุจรวดต่อต้านรถถังถูกยิงจากฝั่งเลบานอน ข้ามมายังชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล บริเวณนิคมเกษตร Margaliot มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 คน เมื่อวานนี้ (4มี.ค.67)
ล่าสุด (5มี.ค.67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ทันทีที่ทราบข่าวได้สั่งการให้นายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลเร่งตรวจสอบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหาทางช่วยเหลือแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยนายกิตติ์ธนา ได้รับแจ้งจาก The Megan David Adom หน่วยแพทย์ฉุกเฉินของอิสราเอล เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.67) เวลา 21.00 น.มีการยิงขีปนาวุธต่อต้านรถถังจากฝั่งเลบานอนไปยังบริเวณ โมชาฟ มาการิออท ทางภาคเหนือของอิสราเอล ทำให้แรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ 5 คน ในจำนวนนี้มีอาการหนักปานกลาง จำนวน 3 คน รักษาตัวที่โรงพยาบาล Rambam เมือง Haifa ที่เหลือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน (Ziv medical center) ขณะนี้ แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ 1 คน ซึ่งนายจ้างพาไปพักสถานที่ที่ปลอดภัยแล้ว
“ขอให้ญาติของแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยทั้งสถานทูตและกระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล อย่างดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด และแจ้งข้อมูลมายังฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือต่อไป” นายพิพัฒน์ กล่าวท้ายสุด
ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานที่เป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมบ้านแจ้งข้อมูลข่าวสารสร้างขวัญกำลังใจพร้อมชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติทราบในทันที
ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังได้เน้นย้ำสำหรับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับการคุ้มครอง และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับการดูแลสิทธิประโยชน์หากประสบอันตราย หรือประสบปัญหาเหมือนเช่นกรณีดังกล่าว ซึ่งสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน